เอเอฟพี/รอยเตอร์ - บารัค โอบามา เมื่อวันพุธ (20 ส.ค.) ประกาศก้องว่าสหรัฐฯ จะไม่ลังเลใจในปฏิบัติการโจมตีทางอากาศต่อพวกรัฐอิสลาม (ไอเอส) ในอิรัก หลังนักรบกลุ่มนี้ฆ่าตัดศีรษะผู้สื่อข่าวอเมริกันและขู่ว่าชะตากรรมของนักข่าวอีกคนอยู่ที่การตัดสินในของประธานธิบดีแดนลุงแซม ระบุการกระทำดังกล่าวพิสูจน์แล้วว่าพวกกบฏไม่ได้ยืนหยัดเพื่อศาสนาตามที่กล่าวอ้าง ขณะที่เลขาฯ ยูเอ็นก็ประณามการสังหารโหดผู้สื่อข่าวว่าเป็น “อาชญากรรมที่เลวทรามต่ำช้า”
ปฏิกิริยาตอบสนองของโอบามา ต่อวิดีโอนักรบญิฮัดสำเร็จโทษนายเจมส์ โฟลีย์ นับเป็นถ้อยคำที่หนักหน่วงที่สุดที่เขาเคยประณามพวกรัฐอิสลาม และเขาไม่ได้ส่งสัญญาณว่าสหรัฐฯ จะระงับการโจมตีทาอากาศถล่มฐานที่มั่นต่างๆ ของพวกนักรบในอิรัก “สหรัฐฯ จะยังคงเดินหน้าในสิ่งที่เราต้องทำเพื่อปกป้องประชาชนของเรา เราจะระแวดระวังและเราจะไม่ปราณีต่อคนที่ทำร้ายชาวอเมริกัน ไม่ว่าจะที่ไหนๆ เราจะทำในสิ่งที่จำเป็นเพื่อความยุติธรรม” เขากล่าว
ถ้อยแถลงของโอบามา ต่อผู้สื่อข่าวระหว่างวันหยุดพักผ่อนนเกาะมาร์ธาไวน์ยาร์ด มีขึ้นไม่นานหลังจากทำเนียบขาวเปิดเผยว่าวิดีโอที่เผยให้เห็นภาพการตัดศีรษะนายโพลีย์นั้น ได้รับการยืนยันจากประชาคมข่าวกรองแล้วว่ามันเป็นของจริง
เหตุฆ่าตัดศีรษะครั้งนี้ดูเหมือนจะเป็นจุดเปลี่ยนให้สหรัฐฯ หันมาเพ่งเล็งพวกรัฐอิสลามมากยิ่งขึ้นในฐานะมีความเป็นไปได้ที่จะเป็นภัยคุกคามต่อผลประโยชน์ของอเมริกา แต่ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่าพวกเขาจะเป็นผู้นำปฏิบัติการโจมตีที่หนักหน่วงขึ้นหรือไม่
เวลานี้สหรัฐฯ ลงมือโจมตีทางอากาศหลายสิบเที่ยวต่อเป้าหมายต่างๆ ของพวกรัฐอิสลามเพื่อปกป้องชนกลุ่มน้อยทางศาสนาชาวยาซิดีในอิรัก และขัดขวางการยึดครองเขื่อนโมซุล ท่ามกลางความกังวลกันว่าหากเกิดรอยแตกทางโครงสร้าง จุดจบก็คือน้ำจะไหลบ่าเข้าท่วมกรุงแบกแดด ซึ่งมีสถานทูตสหรัฐฯตั้งอยู่
โอบามายังใช้ถ้อยคำดุเดือดต่อคำขู่ของพวกรัฐอิสลามที่บอกว่าจะประหารทุกคนที่ไม่ยินดียอมรับสัญลักษณ์แห่งอิสลาม ด้วยบอกว่าพวกกบฏกลุ่มนี้ไม่ได้ยืนหยัดเพื่อศาสนาตามที่กล่าวอ้าง ดังจะเห็นจากพวกเขาออกอาละวาดไปทั่วเมืองและหมู่บ้านต่างๆ ลักพาตัวผู้หญิงและเด็ก บังคับขู่เข็ญ ทรมาน ข่มขืน ฆ่าชาวมุสลิมทั้งชาวสุหนี่และชีอะห์ หลายพันคน
“ไม่มีพระเจ้าองค์ไหนที่จะยืนหยัดเพื่อสิ่งที่พวกเขาทำเมื่อวานนี้หรือสิ่งที่พวกเขาทำในทุกวัน อุดมการณ์ของพวกเขาพังทลายแล้ว พวกเขาอาจอ้างว่าเหมาะสมแล้ว เพราะกำลังอยู่ในสงครามกับสหรัฐฯ และตะวันตก แต่ความจริงคือ พวกเขาข่มขู่เพื่อนบ้าน ไม่ได้ให้อะไรพวกเขายกเว้นแต่การเป็นทาสในวิสัยทัศน์ที่ว่างเปล่าอย่างไม่รู้จบสิ้นและความล่มสลายทางอารยธรรม” โอบามากล่าว พร้อมแสดงความเสียใจต่อครอบครัวนายโพลีย์
ด้านบัน คีมูน เลขาธิการสหประชาชาติในวันพุธ (20) ออกมาประณามการฆ่าตัดศีรษะนายเจมส์ โพลีย์ ผู้สื่อข่าววัย 40 ปีที่ถูกลักพาตัวไปจากทางเหนือของซีเรียตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2012 ว่าเป็นอาชญากรรมที่เลวทราม
“ท่านเลขาธิการของประณามด้วยถ้อยคำรุนแรงต่อการฆาตกรรมอันน่าสยดสยองผู้สื่อข่าวเจมส์ โฟลีย์ มันเป็นอาชญากรรมที่เลวทรามที่ย้ำให้เห็นถึงแผนอันน่าขนลุกของพวกรัฐอิสลามแห่งอิรักต่อประชาชนชาวอิรัก และซีเรีย” โฆษกของเลขาธิการสหประชาชาติกล่าว
วิดีโอที่โพสต์ลงบนโลกออนไลน์ แสดงให้เห็นภาพนักรบไอเอสสวมชุดดำคลุมหน้ามิดชิดคนหนึ่ง ตัดคอชายคนหนึ่งที่รูปร่างหน้าตาเหมือนกับ เจมส์ โฟลีย์ นักข่าวที่ส่งข่าวให้กับโกลบัลโพสต์ เอเอฟพี และสื่อมวลชนอื่นๆ
ในวันพุธ (20) ทางโฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ เผยว่าจากการวิเคราะห์วิดีโอดังกล่าว มีข้อบ่งชี้ต่างๆว่ามันเป็นของจริง “ประชาคมข่าวกรองได้ดำเนินการวิเคราะห์วิดีโอที่เผยแพร่เมื่อเร็วๆ นี้ที่เป็นภาพเจมส์ โพลีย์ และสตีเวน ซอตลอฟฟ์ สองพลเมืองสหรัฐฯ เราได้ข้อสรุปว่าวิดีโอนี้เป็นของจริง”
ด้านสำนักข่าวโกลบัลโพสต์รายงานในวันเดียวกันว่า ทางเอฟบีไอได้บอกกับครอบครัวในโพลีย์ว่าพวกเขาเชื่อว่าวิดีโอดังกล่าวเป็นของจริงเช่นกัน “ในตอนเช้าของวันพุธ เอฟบีไอบอกกับครอบครัวนายโพลีย์ว่า พวกเขาเชื่อว่าวิดีโอนี้เป็นของจริง” รายงานของโกลบัลโพสต์ระบุ
ด้วยในคลิปดังกล่าว นักรบไอเอสผู้ทำหน้าที่เพชฌฆาตพูดภาษาอังกฤษสำเนียงอังกฤษ ทางนายกรัฐมนตรีเดวิด คาเมรอน ยอมรับว่ารู้สึกตกใจเป็นอย่างมากที่ดูเหมือนว่าพลเมืองอังกฤษจะเกี่ยวข้องกับวิดีโออันน่าสยดสยองนี้ “เรายังไม่สามารถระบุตัวตนของบุคคลในวิดีโอ แต่จากที่เราเห็นมีความเป็นไปได้มากขึ้นเรื่อยๆ ว่าเขาจะเป็นพลเมืองอังกฤษ มันน่าช็อกอย่างยิ่ง”