ตะวันตกเตือนห้ามรัสเซียส่ง จนท.มนุษยธรรมเข้าสู่ยูเครนตะวันออก หลังเคียฟชี้ เป็นข้ออ้างบังหน้าส่งทหาร-อาวุธ

เอเอฟพี - ฐานที่มั่นของกลุ่มติดอาวุธฝักใฝ่รัสเซียในจังหวัดโดเนสก์ ทางภาคตะวันออกเฉียงใต้ของยูเครนถูกถล่มยิงด้วยปืนใหญ่ในวันนี้ (10 ส.ค.) ขณะที่เหล่าชาติตะวันตกกล่าวเตือนว่า การที่รัสเซียพยายามส่งกองกำลัง “มนุษยธรรม” เข้าไปในพื้นที่ประสบภัยสู้รบแห่งนี้จะกลายเป็นเรื่องซึ่ง “ไม่เป็นที่ยอมรับ”

เมื่อค่ำวานนี้ (9) ประธานาธิบดีบารัค โอบามา แห่งสหรัฐฯ, นายกรัฐมนตรี อังเกลา แมร์เคิล แห่งเยอรมนี และนายกรัฐมนตรีเดวิด คาเมรอน แห่งอังกฤษ ได้เห็นพ้องต้องกันระหว่างสนทนาทางโทรศัพท์ว่า การที่รัสเซียพยายามส่งกำลังพลเข้าไปในดินแดนยูเครน โดยเป็นการตัดสินใจของแดนหมีขาวแต่เพียงฝ่ายเดียวนั้นจะเป็นการกระทำที่ “ผิดกฎหมาย” และ “ไม่เป็นที่ยอมรับ”

รัสเซียวานนี้ (9) ได้ออกมาปฏิเสธ ภายหลังถูกกรุงเคียฟกล่าวหาว่า มอสโกพยายามส่งกองทหารเข้าไปในยูเครน โดยอ้างว่าเป็นคณะเจ้าหน้าที่ผู้ให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเพื่อบังหน้า

ในเวลาเดียวกัน ยังคงเกิดการระดมยิงอย่างต่อเนื่องถึงกลางดึกในเมืองโดเนสก์ ซึ่งมีประชากร 1 ล้านคน และกลุ่มติดอาวุธนิยมรัสเซียชี้ว่า ถูกกองกำลังของรัฐบาลยูเครนปิดล้อมอยู่

อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีรายงานว่ามีผู้เสียชีวิตจากเหตุรุนแรงแต่อย่างใด

** ระวังผลพวงที่อาจตามมา ***

บรรดาผู้นำชาติตะวันตกต่างแสดงปฏิกิริยาแข็งกร้าว ภายหลังยูเครนแถลงว่า ได้บอกปัดไม่ให้แดนหมีขาวส่ง “คณะเจ้าหน้าที่ด้านมนุษยธรรม กับกองกำลังรักษาสันติภาพเข้ามายังพรมแดนรัสเซีย-ยูเครน โดยมีกำลังทหารและอาวุธยุทโธปกรณ์คอยคุ้มกัน”

โอบามา และแมร์เคิล ได้เห็นพ้องต้องกันระหว่างการสนทนาทางโทรศัพท์เมื่อค่ำวานนี้ (9) ว่า “การที่รัสเซียเข้าแทรกแซงยูเครน...ทั้งที่รัฐบาลยูเครนยังไม่ได้แสดงความเห็นชอบ และมอบอำนาจอย่างเป็นทางการ เป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้”

ทางฝ่ายทำเนียบขาวแถลงว่า “ความเคลื่อนไหวเช่นนี้ “เป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ และจะกระตุ้นให้เกิดผลพวงตามมา” นอกเหนือจากการประกาศคว่ำบาตรเศรษฐกิจมากมายที่มอสโกกำลังเผชิญอยู่”

ในการสนทนาทางโทรศัพท์คืนวานนี้ (9) โอบามาและคาเมรอนกล่าวว่า การที่รัสเซียส่งกำลังพลเข้าไปในยูเครนจะเป็นสิ่งที่ “ไม่ชอบธรรม และผิดกฎหมาย”

ทั้งนี้ เป็นเวลาหลายวันแล้วที่โลกตะวันตกออกมาย้ำเตือนว่า มอสโกจะอาศัยช่วงเวลาภาคตะวันออกของยูเครนใกล้เผชิญวิกฤตด้านมนุษยธรรมเต็มที เป็นโอกาสในการส่งกำลังพลเข้าไป ภายหลังที่ชาติตะวันตกรุมกล่าวหาว่า แดนหมีขาวคอยส่งอาวุธให้กลุ่มติดอาวุธในพื้นที่ดังกล่าว

ทางด้าน องค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต) แถลงว่า รัสเซียได้ส่งกำลังทหารราว 20,000 นายเข้าประชิดชายแดนของอดีตประเทศสมาชิกสหภาพโซเวียตแห่งนี้

วานนี้ (9) โฆษกของประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซียปฏิเสธว่า รัสเซียไม่ได้พยายามหาทางเข้าสู่ดินแดนยูเครนอย่างที่รัฐบาลเคียฟกล่าวหา

อย่างไรก็ตาม ในเวลาต่อมา เซียร์เกย์ ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซียได้โทรศัพท์ถึง จอห์น เคร์รี รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ เพื่อขอแรงให้สหรัฐฯ สนับสนุนภารกิจส่งความช่วยเหลือทางมนุษยธรรมเข้าไปยังภาคตะวันออกเฉียงใต้ของยูเครน

ข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอชซีอาร์) ระบุว่า มีประชาชนชาวยูเครนต้องละทิ้งถิ่นฐานบ้านเรือน เพื่อหนีภัยสู้รบทางภาคตะวันออกของประเทศแล้วกว่า 285,000 คน

นอกจากนี้ ยังมีประชาชนเสียชีวิตจากการต่อสู้ระหว่างกองกำลังของรัฐบาลยูเครน กับกลุ่มติดอาวุธนิยมรัสเซียไปแล้วราว 1,300 คน ขณะที่มีผู้บาดเจ็บอีกกว่า 4,000 คนในช่วงเวลาสี่เดือนของเหตุรุนแรง ที่สภากาชาดชี้ว่าเป็น “สงครามกลางเมือง” ที่ปะทุขึ้นในเขตอุตสาหกรรมของยูเครน

ตอนนี้ บรรดาเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจในภาคตะวันออกต่างประกาศเตือนว่า หายนะทางมนุษยธรรมกำลังคืบคลานใกล้เข้ามา โดยเฉพาะในเมืองลูกันสก์ที่ถูกกลุ่มติดอาวุธปิดล้อม และใหญ่เป็นอับสองรองลงมาจากเมืองโดเนสก์ ในยามที่ชาวบ้านไม่มีไฟฟ้า และน้ำประปาใช้มานานหลายวัน ขณะที่เชื้อเพลิงและเสบียงอาหารเริ่มร่อยหรอลง

เจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจเปิดเผยว่า ประชาชนในพื้นที่ภาคตะวันออกไม่ได้รับเงินบำนาญ เงินเดือน และเงินประกันสังคม เนื่องจากธนาคารในพื้นที่ได้พากันปิดตัวลงจำนวนมาก

ทางด้าน ประธานาธิบดีเปโตร โปโรเชนโก แห่งยูเครน บอกนายกฯ แมร์เคิลทางโทรศัพท์ว่า เขาพร้อมที่จะเปิดรับความช่วยเหลือจากนานาชาติเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของชาวเมืองลูกันสก์ และพร้อมที่จะพูดคุยกับสภากาชาด เพื่อเตรียมดำเนินภารกิจทางมนุษยธรรม แต่มีข้อแม้ว่าชาติที่ประสงค์จะส่งความช่วยเหลือต้องไม่ส่งกำลังทหารมาคุ้มกัน”