รอยเตอร์ - เอกสารที่หน่วยงานเฝ้าระวังด้านนิวเคลียร์ของสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ส่งมอบให้รอยเตอร์วานนี้ (20 ก.ค.) ระบุว่า อิหร่านได้เดินหน้ากำจัดคลังก๊าซยูเรเนียมสมรรถนะสูง ซึ่งเป็นประเด็นอ่อนไหวที่สุดในกรณีโครงการนิวเคลียร์อิหร่าน โดยถือเป็นการทำตามข้อตกลงชั่วคราว ที่เตหะรานบรรลุร่วมกับกลุ่มชาติมหาอำนาจ P5+1 เมื่อปีที่แล้ว
รายงานความคืบหน้าของ ทบวงการปรมาณูระหว่างประเทศ (ไอเออีเอ) เผยว่า อิหร่านได้ปฏิบัติตามเงื่อนในข้อตกลงที่มีระยะเวลา 6 เดือน ซึ่งมุ่งควบคุมกิจกรรมด้านนิวเคลียร์ของเตหะราน เพื่อแลกกับการที่เหล่าชาติมหาอำนาจผ่อนปรนมาตรการคว่ำบาตร ที่บ่อนทำลายเศรษฐกิจอิหร่าน
ข้อตกลงเบื้องต้นฉบับดังกล่าว ซึ่งสิ้นสุดผลบังคับใช้เมื่อวันอาทิตย์ (20) แต่จะยืดเวลาออกไป โดยมีการปรับเปลี่ยนตามความเหมาะสม ภายหลังที่การเจรจาระหว่างอิหร่านกับ 6 ชาติมหาอำนาจ ณ กรุงเวียนนายังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงระยะยาว ทันเส้นตายที่กำหนดไว้เมื่อวันที 20 กรกฎาคม เพื่อยุติข้อพิพาทด้านนิวเคลียร์ที่ยืดเยื้อมานานนับทศวรรษ โดยทั้งสองฝ่ายต่างเห็นพ้องต้องกันให้ยืดเวลาในการหารือออกไป
รายงานที่ไอเออีเอ นำออกเผยแพร่เมื่อวันอาทิตย์ (20) ชี้ว่า การยืดเวลาจากกำหนดเส้นตายออกไป 4 เดือนสะท้อนให้เห็นว่า การเจรจาเพื่อสะสางข้อพิพาทเป็นการถาวรต้องเผชิญกับอุปสรรคต่างๆ แม้ว่าอิหร่านได้ทำตามเงื่อนไขในข้อตกลงเบื้องต้นแล้วก็ตาม
กลุ่มชาติมหาอำนาจ P5+1 ได้แก่ สหรัฐฯ ฝรั่งเศส จีน รัสเซีย เยอรมนี และอังกฤษ ต้องการให้อิหร่านลดความเข้มข้นของยูเรเนียมสมรรถนะสูงในโครงการนิวเคลียร์เตหะรานให้ลดน้อยลง เพื่อให้มั่นใจว่าประเทศนี้จะไม่สามารถผลิตระเบิดนิวเคลียร์ได้ ขณะที่อิหร่านชี้แจงว่า ยูเรเนียมเหล่านี้มีไว้เพื่อผลิตนิวเคลียร์เชิงสันติ และต้องการให้ยกเลิกการคว่ำบาตรเศรษฐกิจของประเทศเศรษฐีน้ำมันแห่งนี้ ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
ภายหลังอิหร่านและโลกตะวันตกได้เผชิญหน้ากันตึงเครียดรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ มานานหลายปี และเกิดความหวั่นเกรงว่า จะเกิดสงครามครั้งใหม่ในตะวันออกกลาง ผู้นำที่ยึดมั่นในแนทางสายกลางอย่าง ฮัสซัน โรฮานี ก็สามารถคว้าชัยชนะในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีอิหร่าน เมื่อปีที่แล้ว ทำให้เกิดบรรยากาศที่เป็นมิตรจนนำไปสู่การเจรจาในปัจจุบัน
ตามข้อตกลงที่อิหร่านบรรลุร่วมกับกลุ่มชาติมหาอำนาจ P5+1 ที่นครเจนีวา เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน ซึ่งร่างขึ้นมาเพื่อซื้อเวลาสำหรับการเจรจาหาทางออกอย่างครอบคลุม อิหร่านได้ยอมระงับกระบวนการหนึ่งของโครงการนิวเคลียร์ ที่ตกเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์มากที่สุด ซึ่งก็คือการเพิ่มความเข้มข้นให้ก๊าซยูเรเนียม จนกลายเป็นวัสดุฟิสไซล์ที่มีความเข้มข้น 20 เปอร์เซ็นต์
นอกจากนี้ ในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมา อิหร่านยังได้ลดความเข้มข้น หรือเปลี่ยนแร่ยูเรเนียมที่มีน้ำหนักรวมเกือบ 210 กิโลกรัม ให้กลายเป็นออกไซด์ ซึ่งรายงานของไอเออีเอวานนี้ (20) เผยว่า ขั้นตอนนี้ยังไม่เสร็จสิ้นดี โดยตะวันตกกำลังจับตามองคลังยูเรเนียมพวกนี้อย่างใกล้ชิด เนื่องการการลดสมรรถนะยูเรเนียมสะท้อนว่า อิหร่านกำลังถอยห่างจากศักยภาพในการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ออกไปเรื่อยๆ
อิหร่านชี้แจงว่า สาเหตุที่ต้องผลิตยูเรเนียมบริสุทธิ์ก็เพื่อนำไปเป็นเชื้อเพลิงให้โรงไฟฟ้า หรือเตาปฏิกรณ์เชิงวิจัยเท่านั้น ไม่ได้ต้องการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์อย่างที่ชาติตะวันตกสงสัย
ขณะที่ไอเออีเอยืนยันว่า อิหร่านทำตามข้อตกลงจริง ในรายงานความคืบหน้าประจำเดือนหลายฉบับ นับตั้งแต่ที่ข้อตกลงมีผลบังคับใช้ในวันที่ 20 มกราคม สาธารณรัฐอิสลามแห่งนี้ก็สามารถเข้าถึงทรัพย์สินในต่างแดนที่ถูกอายัดไว้ได้มากขึ้น
ภายหลังไอเออีเอเปิดเผยรายงานวานนี้ (20) อิหร่านกำลังคาดหวังที่จะได้รับเงินงวดสุดท้ายมูลค่า 550 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากจำนวนทั้งหมด 4.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ที่มีการผ่อนจ่ายในช่วงครึ่งปี ส่วนในช่วงเวลา 4 เดือนที่พ้นกำหนดเส้นตาย เตหะรานยังจะได้รับเงินเพิ่มอีก 2.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หากทำตามข้อตกลงชั่วคราว และการปฏิบัติตามมาตรการใหม่ๆ เป็นต้นว่า เปลี่ยนยูเรเนียมออกไซด์เข้มข้น 20 เปอร์เซ็นต์ให้กลายเป็นเชื้อเพลิงนิวเคลียร์
ทางด้าน บรรดาเจ้าหน้าที่ของสหรัฐฯ ชี้ว่า อิหร่านยังมีทรัพย์สินในต่างประเทศอีก 1 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ที่ไม่สามารถเข้าถึงได้ เนื่องจากถูกคว่ำบาตรทางการเงินจากประเด็นโครงการนิวเคลียร์ เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา
เมื่อวันเสาร์ (19) เจ้าหน้าที่อเมริกันคนหนึ่งกล่าวว่า การทำข้อตกลงเมื่อปีที่แล้ว “เป็นความสำเร็จในการยับยั้งกระบวนการของโครงการ (นิวเคลียร์) อิหร่าน และเป็นการบังคับให้เตหะรานยอมตกลง เพื่อแลกกับการผ่อนปรนมาตรการคว่ำบาตรพอประมาณ เป็นเวลา 6 เดือน”
อย่างไรก็ดี บรรดาผู้เชี่ยวชาญ และนักการทูตกล่าวว่า ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่า การยืดเวลาเจรจาออกไปจนถึงปลายเดือนพฤศจิกายน จะช่วยให้สามารถหาทางออกสุดท้าย เพื่อควบคุมกิจกรรมด้านนิวเคลียร์ของอิหร่านได้กว้างขวางครอบคลุมขึ้นหรือไม่ โดยแลกเปลี่ยนกับการเลิกคว่ำบาตรเตหะรานทีละน้อย