นักรบญิฮัดของ “รัฐอิสลาม” บุกยึดโบสถ์คริสต์ในอิรัก ปลดกางเขน-เผาคัมภีร์

เอเอฟพี - บรรดานักรบญิฮัดที่ยึดครองพื้นที่บริเวณกว้างในภาคเหนือของอิรัก ได้ใช้กำลังขับไล่ชาวคริสต์นับแสนรายให้หนีไปอยู่ที่อื่น แล้วทำการยึดโบสถ์ ปลดกางเขนและทำลายเอกสารทางศาสนาจำนวนมาก

คุณพ่อหลุยส์ ซาโก พระราชาคณะของคริสตจักรแคลเดียนคาทอลิกในอิรัก บอกกับเอเอฟพีว่า มีชาวคริสเตียนประมาณ 100,000 ราย ต้องละทิ้งที่อยู่อาศัยแล้วหนีไปโดยที่ไม่มีอะไรติดตัวเลย มีเพียงแค่เสื้อผ้าที่สวมอยู่ บางคนต้องเดินเท้าเปล่าเพื่อไปให้ถึงดินแดนของชาวเคิร์ด

คุณพ่อซาโก ซึ่งเป็นผู้นำชาวคริสเตียนนิกายที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในอิรัก และเป็นนิกายที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับคริสตจักรคาทอลิกบอกว่า นี่คือภัยพิบัติด้านมนุษยธรรม โบสถ์ถูกยึด กางเขนถูกปลด เอกสารที่เขียนด้วยมือซึ่งอาจมีจำนวนสูงถึง 1,500 ฉบับถูกเผาทิ้งทั้งหมด

กลุ่ม “รัฐอิสลาม” ได้กวาดยึดพื้นที่ซึ่งเป็นดินแดนสำคัญของชาวมุสลิมนิกายสุหนี่ในอิรักตั้งแต่เมื่อ 2 เดือนก่อน และเมื่อเร็วๆ นี้มีการโจมตีหลายตำบลและหมู่บ้านที่อยู่ทางตะวันออกของเมืองโมซุล เมืองที่ใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศนี้

“การ์รากอช” หนึ่งในดินแดนที่ถูกโจมตี เป็นตำบลที่มีชาวคริสเตียนอาศัยอยู่มากที่สุดในอิรัก ด้วยประชากรราวๆ 50,000 คน ส่วนบริเวณพื้นที่โดยรอบนั้นเคยถูกควบคุมโดยกองกำลังชาวเคิร์ด

ในขณะที่กำลังหลบหนีเข้าไปยังเขตพื้นที่ปกครองตนเองของชาวเคิร์ด บรรดาชาวบ้านก็ได้โทรศัพท์เข้ามายืนยันว่ามีบรรดานักรบญิฮัดเข้ายึดครองพื้นที่

เอเอฟพียังไม่สามารถตรวจสอบสถานการณ์ปัจจุบันของตำบลเหล่านั้นได้ แต่มีผู้เห็นเหตุการณ์ระบุว่า ดินแดนเหล่านั้นที่เคยเต็มไปด้วยผู้คน ตอนนี้รกร้างไปเรียบร้อยแล้ว

“เมื่อคืนนี้กองกำลังดาช (รัฐอิสลาม) เข้าโจมตีหลายหมู่บ้านที่ตั้งอยู่ในที่ราบนิเนเวห์ โดยยิงกระสุนปืนครกเข้าใส่และยึดหมู่บ้านบางแห่ง” คุณพ่อซาโก กล่าวขณะที่อยู่ในเมืองเคอร์คุก

คุณพ่อซาโกระบุว่า รัฐบาลอิรักไม่สามารถปกป้องชาวคริสเตียนได้เลย รัฐบาลของชาวเคิร์ดก็เหมือนกัน ดังนั้นพวกเขาควรจะต้องร่วมมือกัน รวมทั้งรับเอายุทโธปกรณ์สมัยใหม่และการสนับสนุนอื่นๆ จากนานาชาติ

“วันนี้เราขออ้อนวอนด้วยความโศกเศร้าและเจ็บปวดเหลือคณา ขอความช่วยเหลือจากทุกคนที่มีความตั้งใจดี ทั้งคณะมนตรีความมั่นคงของยูเอ็น สหภาพยุโรปและหน่วยงานช่วยเหลืออื่นๆ โปรดช่วยชาวบ้านที่กำลังเผชิญหน้ากับอันตรายของมวลมนุษย์ หวังว่าคงจะไม่สายเกินไปที่จะป้องกันไม่ให้เกิดการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์” คุณพ่อซาโกกล่าว