เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - รัสเซียเตรียมจับมือชาติเพื่อนบ้านที่เป็นพันธมิตรใกล้ชิด ทั้งเบลารุส และคาซัคสถาน ร่วมใช้ “เงินสกุลเดียวกัน” ทั้งนี้ เป็นการเปิดเผยโดยสื่อสิ่งพิมพ์ชื่อดังของแดนหมีขาวในวันอังคาร (5) ขณะที่วลาดิมีร์ ปูติน ผู้นำรัสเซียเผยโลกต้อง “หันหลังให้เงินดอลลาร์” หากหวังจะ “ปลดแอกตัวเอง” จากการครอบงำของพวกทุนนิยมตะวันตกที่ชั่วช้า
รายงานข่าวที่ถูกเผยแพร่โดยหนังสือพิมพ์ชื่อดัง “รอสซีสกายา กาเซตา” ในวันอังคาร (5) ระบุว่า รัฐบาลรัสเซียภายใต้การนำของประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน เตรียมจับมือกับชาติเพื่อนบ้านซึ่งมีความใกล้ชิดกับมอสโกทั้งเบลารุสและคาซัคสถานในการผลักดันให้เกิดการใช้ “เงินตราสกุลเดียวกัน” ในอนาคตผ่านทางกลไกขององค์กรความร่วมมือส่วนภูมิภาคที่เรียกว่า “สหภาพเศรษฐกิจยูเรเซีย” ที่ทั้ง 3 ชาติร่วมกันก่อตั้งขึ้น
รายงานของรอสซีสกายา กาเซตาอ้างถึงเบมเบีย คุลคาชิเยฟ ผู้อำนวยการใหญ่ด้านนโยบายการเงินของสหภาพเศรษฐกิจยูเรเซีย (Eurasian Economic Union : EEU) ซึ่งระบุว่า ในเบื้องต้นทางสหภาพฯมีแผนนำระบบการชำระเงินและการหักบัญชีที่เป็นรูปแบบเดียวกันมาใช้ในอนาคตอันใกล้นี้ก่อน และหากระบบดังกล่าวประสบความสำเร็จด้วยดีก็จะมีการนำประเด็นเรื่องการใช้ “เงินสกุลเดียวกัน” ของทั้ง 3 ประเทศมาพิจารณาอย่างจริงจังเป็นขั้นต่อไป โดยมีความเป็นไปได้ที่ทั้ง 3 ประเทศอาจตกลงให้ใช้เงินสกุล “รูเบิล” เป็นเงินตราสกุลหลักร่วมกันในอนาคต
ทั้งนี้ ในปัจจุบันทางสหภาพเศรษฐกิจยูเรเซียมีการใช้เงินสกุลรูเบิลในการค้าขายและหักบัญชีระหว่างกันคิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 50 เปอร์เซ็นต์ รองลงมาคือ “เงินดอลลาร์สหรัฐฯ”ที่มีสัดส่วนราว 40 เปอร์เซ็นต์ และ “เงินยูโร” อีกราว 8-9 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่เงินตราสกุลอื่นๆ มีสัดส่วนการใช้ในสหภาพฯ เพียง 1 เปอร์เซ็นต์
ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ออกมาให้สัมภาษณ์เมื่อวันจันทร์ (4) โดยระบุถึงความจำเป็นที่รัสเซียและชาติพันธมิตรจำเป็นต้องมี “ความเป็นอิสระทางการเงิน” ที่ปราศจากการครอบงำจากสหรัฐอเมริกาและโลกตะวันตก ซึ่งหนึ่งในหนทาง”ปลดแอกตัวเอง” ทางการเงินตามแนวคิดของผู้นำรัสเซียนั่นคือ การ “เลิกใช้เงินดอลลาร์ในทุกรูปแบบ” ไม่ว่าจะเป็นการนำเงินดอลลาร์มาใช้ในการชำระหักบัญชี หรือการซื้อขายสินค้าระหว่างประเทศ
“ถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องยุติการครองโลกของสหรัฐฯและพันธมิตร และหนทางหนึ่งในการปลดแอกตัวเองสู่เสรีภาพทางการเงินก็คือ การหันหลังให้กับเงินดอลลาร์อย่างสิ้นเชิง จงเลิกให้ความสำคัญกับเงินดอลลาร์ หากเราไม่ปรารถนาให้ประเทศนายทุนที่ชั่วร้ายทั้งหลายมากำหนดเงื่อนไขใดๆ กับเราอีก” : ปูตินกล่าวต่อผู้สื่อข่าว พร้อมเผยว่า อาร์เมเนีย และคีร์กิซสถานเป็นอีก 2 ประเทศที่ได้แสดงความประสงค์ขอเข้าร่วมเป็นสมาชิกของ EEU รวมถึงตอบรับแผนการใช้เงินสกุลเดียวกันในอนาคตแล้วเช่นกัน
ก่อนหน้านี้เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา “กาซปรอม” ยักษ์ใหญ่ด้านพลังงานของรัสเซียประกาศยกเลิกการใช้ “เงินดอลลาร์สหรัฐ” ในการซื้อ-ขายพลังงานกับบริษัทของจีน เตรียมจับมือรัฐบาลปักกิ่งใช้เงินสกุล “รูเบิล” และ “เงินหยวน” แทนในตลาดพลังงาน
โดยบริษัท “กาโซวายา โปรมีชเลนนอสต์” หรือชื่อย่อที่รู้จักกันทั่วไปว่า “กาซปรอม” ยักษ์ใหญ่ด้านพลังงานของรัสเซีย ซึ่งครองตำแหน่งผู้ผลิตก๊าซธรรมชาติรายใหญ่ที่สุดของโลกประกาศเมื่อ 26 มิถุนายน ยกเลิกการใช้เงินดอลลาร์สหรัฐในทางบัญชีอย่างสิ้นเชิง โดยจะเริ่มนำร่องใช้วิธีการนี้กับกรณีที่มีการติดต่อซื้อขายพลังงานกับรัฐบาลจีน หรือบริษัทเอกชนของจีนก่อน โดยเตรียมหันมาใช้เงินรูเบิลของรัสเซีย และเงินหยวนของจีน เป็นสื่อกลางในการซื้อขายก๊าซธรรมชาติอย่างเต็มตัว
อังเดร ครูกลอฟ ประธานบริหารฝ่ายการเงินของกาซปรอมออกมาแถลงที่สำนักงานใหญ่ของบริษัทในกรุงมอสโก โดยระบุว่าการตัดสินใจเลิกใช้เงินดอลลาร์ในการซื้อขายก๊าซธรรมชาติครั้งนี้ผ่านการพิจารณาอย่างรอบคอบแล้ว จากผู้ที่เกี่ยวข้องซึ่งต่างเชื่อมั่นว่า “การยุติบทบาทของเงินดอลลาร์ในตลาดพลังงาน” จะไม่ส่งผลกระทบทางลบใดๆ ต่อทั้งบริษัท รวมถึงรัฐบาลรัสเซียและจีน โดยคาดว่าการหันมาใช้เงินรูเบิลและเงินหยวนแทนนั้นจะสามารถเริ่มดำเนินการได้อย่างเต็มรูปแบบภายใน 1 ปี หรืออย่างช้าไม่เกิน 2 ปีนับจากนี้
ด้าน วิกตอร์ ซุบคอฟ ประธานใหญ่ของกาซปรอมออกมาประกาศว่า การยกเลิกใช้เงินดอลลาร์อเมริกันในการซื้อขายด้านพลังงานถือเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่สุดนับตั้งแต่ที่กาซปรอมก่อตั้งกิจการเมื่อปี 1989 และคาดหวังว่าจะมีการหันไปใช้เงินตราสกุลอื่นๆ เป็นสื่อกลางในตลาดพลังงานโลกมากขึ้นในอนาคต
“นี่คือข่าวที่น่ายินดีที่สุดนับตั้งแต่ที่กาซปรอมเปิดตัวสู่ตลาดพลังงานโลกเมื่อปี 1989 ข้าพเจ้าเชื่อมั่นว่าการลดบทบาทของเงินดอลลาร์ ถือเป็นเรื่องที่มิอาจหลีกเลี่ยงได้ และในอนาคต บทบาทของเงินตราสกุลอื่นในตลาดพลังงานมีแนวโน้มจะเพิ่มสูงขึ้น” วิกตอร์ ซุบคอฟ ประธานใหญ่ของกาซปรอมกล่าวต่อผู้สื่อข่าว
ก่อนหน้านี้ รัสเซียและจีนเพิ่งบรรลุข้อตกลงประวัติศาสตร์ที่มีการลงนามเมื่อ 21 พฤษภาคม โดยตามข้อตกลงดังกล่าวระบุ สาธารณรัฐประชาชนจีน ดินแดนที่ได้ชื่อว่ามีขนาดของเศรษฐกิจ “ใหญ่ที่สุดในเอเชีย” และยังเป็นชาติที่มีการ “บริโภคพลังงาน” มากเป็นลำดับต้นๆ ของโลก ตกลงสั่งซื้อก๊าซธรรมชาติจากรัสเซียในวงเงินมหาศาลคิดเป็นเงินไทยราว “12.95 ล้านล้านบาท” โดยที่ข้อตกลงดังกล่าวนี้ ครอบคลุมการส่งมอบก๊าซธรรมชาติจากแดนหมีขาวสู่แดนมังกรนานถึง 30 ปีเต็ม และกาซปรอมจะทำหน้าที่เป็นผู้รับผิดชอบในการจัดส่งก๊าซธรรมชาติให้กับทางไชน่า เนชันแนล ปิโตรเลียม (CNPC) ที่อยู่ภายใต้การดูแลของรัฐบาลจีนในปริมาณ “38,000 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี”