รอยเตอร์ - กลุ่มกบฏแบ่งแยกดินแดนที่นิยมรัสเซียได้ทำการสู้รบกับกองทัพยูเครนอย่างหนักเมื่อวันอาทิตย์ (3 ส.ค.) บริเวณรอบนอกของโดเน็ตสก์ เมืองทางตะวันออกของยูเครนซึ่งเป็นที่มั่นหลักของพวกกบฏ
เจ้าหน้าที่ของเมืองโดเน็ตสก์ระบุว่า กระสุนปืนใหญ่ของกองทัพยูเครนบางส่วนได้ตกลงในบริเวณทุ่งดอกทานตะวันด้านนอกของโดเน็ตสก์ ที่เป็นเมืองอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 6 รายในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา รวมถึงทำให้อาคารหลายแห่งเกิดไฟไหม้และมีหลุมจากกระสุนอยู่บนท้องถนน
กองทัพยูเครนยังได้ปิดล้อมเมืองลูฮันสก์ ซึ่งเป็นฐานที่มั่นอีกแห่งของกลุ่มกบฏ และเป็นจุดที่มีพลเรือนเสียชีวิต 3 รายจากการสู้รบครั้งล่าสุด นอกเหนือจากการกระชับวงล้อมเมืองโดเน็ตสก์
หลังจากการตกของเครื่องบินโดยสารมาเลเซียในพื้นที่ยึดครองของกลุ่มกบฏเมื่อวันที่ 17 กรกฎาคมที่ผ่านมา การสู้รบก็รุนแรงขึ้น โดยทั้งสองฝ่ายต่างก็โทษอีกฝ่ายว่าเป็นต้นเหตุการตายของผู้โดยสารและลูกเรือ 298 รายของเที่ยวบินดังกล่าว ขณะที่ความสัมพันธ์ระหว่างรัสเซียกับชาติตะวันตกก็ย่ำแย่ลงเรื่อยๆ
ฟิลิป แฮมมอนด์ รัฐมนตรีต่างประเทศของอังกฤษได้เรียกร้องให้ วลาดิมีร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซียช่วยไปเกลี้ยกล่อมพวกกบฏยูเครนให้หยุดการสู้รบ เพื่อทำให้แน่ใจว่าพวกกบฏเหล่านั้นจะไม้ขัดขวางบรรดาผู้เชี่ยวชาญจากนานาชาติ ที่เข้าไปเก็บกู้ซากศพที่ยังเหลืออยู่ของผู้เสียชีวิตจากเที่ยวบิน MH17
"มันเป็นเรื่องที่แย่มากจนไม่รู้จะพูดอย่างไรดี ผ่านมาแล้ว 2 อาทิตย์หลังจากเครื่องบินตก แต่ก็ยังมีศพผู้เสียชีวิตที่ยังไม่ได้รับการเก็บกู้ แถมรัสเซียก็ไม่ยอมใช้อิทธิพลในการเกลี้ยกล่อมพวกกบฏยูเครนเลย" แฮมมอนด์ บอกกับหนังสือพิมพ์ซันเดย์ เทเลกราฟ
"ผมเคยพูดไว้เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ว่ามีชายคนหนึ่งที่สามารถดีดนิ้วแล้วทำให้เหตุการณ์สงบได้แต่เขาก็ไม่ยอมทำ ตอนนี้เขาควรจะทำได้แล้ว" แฮมมอนด์ กล่าวเพื่อกระตุ้นให้ปูตินส่งสัญญาณบอกพวกกบฏยูเครนให้วางอาวุธ หยุดสร้างความวุ่นวายและรบกวนการค้นหาเหยื่อเที่ยวบินมาเลเซีย
ทีผ่านมาปูตินปฏิเสธมาโดยตลอดว่าไม่ได้ให้การสนับสนุนอาวุธแก่กบฏยูเครน รวมถึงไม่มีส่วนพัวพันกับสถานการณ์รุนแรงในยูเครน นับตั้งแต่เหตุการณ์ขับไล่ประธานาธิบดียูเครนคนก่อนที่เป็นพวกนิยมรัสเซียเมื่อช่วงเดือนกุมภาพันธ์ เขายังกล่าวหาชาติตะวันตกว่าพยายามที่จะ "ปิดล้อม" รัสเซีย อันเป็นสำนวนภาษาแบบยุคสงครามเย็น เพื่อชี้ให้เห็นว่าสหรัฐฯ นั้นต้องการที่จะลดอิทธิพลของรัสเซียบนเวทีโลก
ขณะที่โฆษกของกองทัพยูเครน ได้กล่าวสรุปที่กรุงเคียฟ ถึงผลงานของฝ่ายตน โดยระบุว่า ตอนนี้กองทัพได้ยึดคืนพื้นที่ประมาณ 3 ใน 4 จากพวกกบฏยูเครน ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวได้ถูกพวกกบฏประกาศกันเองให้เป็น "สาธารณรัฐประชาชน" แห่งลูฮันสก์และโดเน็ตสก์
ด้านนักข่าวของรอยเตอร์ที่อยู่ในใจกลางเมืองโดเน็ตสก์ ได้ยินเสียงกระสุนปินใหญ่ตลอดทั้งคืน ทั้งยังมองเห็นควันไฟของอาคารในเขตเปตรอฟสกีที่อยู่รอบนอกลอยอ้อยอิ่งเข้ามาถึงย่านใจกลางเมืองอีกด้วย
ในเขตเปตรอฟสกี ตอนนี้ชาวบ้านต้องใช้ชีวิตแบบยากลำบาก เพราะไม่มีน้ำและไฟฟ้า บางคนต้องอาศัยหลับนอนในที่ทำงาน เพราะบ้านได้รับความเสียหายจากการสู้รบ
"ฉันทำงานอยู่ในใจกลางเมือง สำหรับฉันการอาศัยอยู่ในที่ทำงานมันง่ายกว่ากลับบ้าน เพราะคุณไม่มีทางรู้หรอกว่าจะยังมีบ้านเหลืออยู่รึเปล่าตอนที่กลับไป ฉันได้ยินมาว่ามีบางคนที่เลิกงาน แล้วกลับไปพบว่าไม่มีบ้านเหลือให้อยู่อีกแล้ว" อันโตนีนา ผู้อำนวยการฝ่ายการเงินของบริษัทเล็กๆ แห่งหนึ่ง พูดขณะอยู่ในเขตเปตรอฟสกี
ทางด้าน "มาร์ยินกา" ซึ่งเป็นเขตพื้นที่รอบนอกอีกแห่ง บ้านเรือนและถนนหลายสายเต็มไปด้วยร่องรอยของกระสุนปืนใหญ่ อาคารบางแห่งถูกไฟเผาจนเหลือแต่ซาก จุดตรวจบริเวณนี้ถูกควบคุมโดยฝ่ายกบฏ มีรถบรรทุกของกองทัพยูเครนถูกทิ้งไว้ข้างทางหนึ่งคัน เป็นสิ่งที่ยืนยันว่าเกิดเหตุสู้รบกันที่นี่
ถนนหลายสายรกร้างไร้ผู้คน แถมยังมีเสียงกระสุนปืนใหญ่ให้ได้ยินอยู่ใกล้ๆ อาคารหลายแห่งไม่มีไฟฟ้าและน้ำให้ใช้
"เมื่อวานนี้จู่ๆ ไฟฟ้าก็ดับไป แล้วก็มีการระเบิดเกิดขึ้น ฉันเลยไปแอบอยู่ตรงห้องโถง จากนั้นฉันก็ได้ยินเสียงผู้หญิงร้องไห้อยู่ข้างนอก ลูกชายกับลูกสะใภ้ของหญิงคนนั้นเสียชีวิตเพราะกระสุนปืนใหญ่ พวกเขานอนตายกันตรงนี้" เยฟเกนียา เล่าเหตุการณ์พร้อมกับชี้ให้ดูรอยเลือดบริเวณนอกบ้านเธอ
ทั้งนี้ บ้านเรือนจำนวนมากในเมืองลูฮันสก์ ซึ่งอยู่ใกล้กับชายแดนรัสเซีย ก็ไม่มีไฟฟ้าและน้ำใช้เช่นกัน ส่วนทางด้านกองทัพยูเครนระบุว่า ไม่มีได้รับความสูญเสียจากการสู้รบกันครั้งล่าสุดนี้
ความพยายามที่จะหยุดยั้งการสู้รบครั้งนี้ ที่ทางยูเอ็นเปิดเผยว่ามีผู้เสียชีวิตมากกว่า 1,100 รายแล้ว ยังคงไม่คืบหน้า โดยทางสหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรปได้ใช้มาตรการคว่ำบาตรกับทางรัสเซีย ที่เข้าไปพัวพันกับสถานการณ์ความรุนแรงในยูเครน แต่ทางปูตินก็ไม่ได้แสดงให้เห็นเลยว่ามีการเปลี่ยนแปลงแก้ไขอะไร จนทำให้ บารัค โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ถึงกับต้องเอ่ยออกมาภายหลังพูดจาทางโทรศัพท์กับปูตินว่า "บางครั้งคนเราก็ทำตัวไม่มีเหตุผล"
ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติวิทยาศาตร์จากเนเธอร์แลนด์และออสเตรเลีย ได้เข้าไปยังพื้นที่จุดตกของเที่ยวบิน MH17 ของสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ เป็นเวลา 3 วันแล้ว และได้เก็บกู้ซากศพของผู้เสียชีวิตที่ยังหลงเหลืออยู่ในบริเวณนั้น เพื่อส่งกลับไปพิสูจน์ที่เนเธอร์แลนด์ เมื่อวันอาทิตย์พวกเขายังได้ส่งข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัวจำนวนหนึ่งไปที่เมืองคาร์คิฟที่ควบคุมโดยรัฐบาลยูเครน ก่อนที่จะมีการส่งต่อไปยังเนเธอร์แลนด์
"เที่ยวบินแรกจะออกเดินทางวันพรุ่งนี้ เที่ยวบินนี้จะขนส่งบรรดาสิ่งที่เก็บกู้มาได้เมื่อวันศุกร์และวันเสาร์ รวมถึงชิ้นส่วนสำหรับตรวจสอบดีเอ็นเอซึ่งได้มาจากที่เก็บศพในเมืองโดเน็ตสก์" คำแถลงของทีมผู้เชี่ยวชาญชาวดัตช์ ระบุ
สหรัฐอเมริการะบุว่า กลุ่มกบฏแบ่งแยกดินแดนอาจจะเป็นฝ่ายยิงเครื่องบินโบอิ้ง 777 ลำนี้ ด้วยจรวดที่ได้มาจากรัสเซียแบบไม่ตั้งใจ แต่ทางรัสเซียก็ออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหานี้ พร้อมกับกล่าวโทษว่าเป็นฝีมือของยูเครน ทั้งนี้ มีชาวเนเธอร์แลนด์ 196 คน ชาวออสเตรเลีย 27 คนและชาวมาเลเซีย 43 คน อยู่บนเที่ยวบินมรณะ MH17