xs
xsm
sm
md
lg

นร.เกาหลีใต้ผู้รอดชีวิตจากหายนะ “เฟอร์รีอับปาง” เผยรอดตายมาได้เพราะ “สายฉีดน้ำดับเพลิง - ผ้าม่าน”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ตำรวจยืนคุ้มกันความปลอดภัยให้กับรถมินิบัสที่ขนส่งนักเรียนที่รอดชีวิตจากเหตุการณ์เรือเฟอร์รีอับปาง ซึ่งเดินทางมาให้การที่ศาลแขวงซูวอน เมืองอันซาน เมื่อวันจันทร์ (28 ก.ค.)
เอเอฟพี - เหล่านักเรียนที่รอดชีวิตจาก “ภัยพิบัติเรือเฟอร์รี” เกาหลีใต้ให้การต่อศาลในวันนี้ (29 ก.ค.) โดยเล่าเหตุการณ์ขณะผู้โดยสารถูกลูกเรือทอดทิ้ง และวิธีการเฉพาะหน้าต่างๆ ที่ช่วยให้พวกเขารอดชีวิตมาได้ เป็นต้นว่า การใช้ “สายฉีดน้ำดับเพลิง” ดึงคนขึ้นมาขณะเรืออับปาง

บรรดานักเรียนวัยรุ่นมัธยมปลายต่างรื้อฟื้นความทรงจำอันเจ็บปวดจากโศกนาฏกรรม เมื่อวันที่ 16 เมษายน ที่คร่าชีวิตเพื่อนร่วมชั้นเรียนของพวกเขาไปถึง 250 คน ระหว่างการนัดสืบพยานนักเรียนผู้รอดชีวิตเป็นวันที่ 2 ในการพิจารณาคดีกับตันเรือเฟอร์รี “เซวอล” และลูกเรือ 14 คน

นักเรียนหญิงคนหนึ่งบรรยายวิธีที่ผู้โดยสารผู้ใหญ่คนหนึ่งใช้ช่วยชีวิตเธอ ขณะที่น้ำทะเลกำลังไหลทะลักเข้าไปในเรือเฟอร์รีที่เสียศูนย์รุนแรง

นักเรียนคนนี้ให้การว่า “ตอนแรก มีใครคนหนึ่งส่งชายผ้าม่านหน้าต่างลงมาให้หนูจับไว้ แต่หนูก็ลื่นตกลงไปอีก”

เธอระบุเพิ่มเติมว่า “จากนั้นก็มีผู้โดยสารอีกคนโยนสายฉีดน้ำดับเพลิงลงมา หนูเอามาผูกไว้รอบสะโพก แล้วเขาก็ดึงหนูขึ้นไป”

การตั้งข้อหาลูกเรือเฟอร์รีมากมายเกิดจากความจริงที่ว่า กัปตัน ลี จุนซอก และลูกเรือคนอื่นๆ ตัดสินใจทิ้งเรือลำนี้ ทั้งที่ยังมีผู้โดยสารหลายร้อยคนติดอยู่ภายในเรือที่กำลังเสียศูนย์รุนแรง ก่อนจะพลิกคว่ำในที่สุด

กัปตันลี และลูกเรืออาวุโสอีก 3 คนถูกกล่าวหาว่า “ประมาทโดยเจตนา จนเป็นเหตุให้ผู้อื่นเสียหายถึงแก่ชีวิต” ซึ่งเป็นข้อหาที่ทำให้พวกเขาอาจได้รับโทษประหารชีวิต

ส่วนลูกเรืออีก 11 คนถูกพิจารณาคดีในข้อหาละเมิดกฎหมายพาณิชย์นาวีที่มีโทษเบากว่า
(ภาพจากแฟ้ม) ญาติพี่น้องของผู้เสียชีวิต และผู้สูญหายจากเหตุเรือเฟอร์รี “เซวอล” อับปางเดินทางมาเข้าร่วมการชุมนุมกลางกรุงโซลเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (24 ก.ค.) ในเวลาที่ประชาชนชาวเกาหลีใต้หลายพันคนร่วมกันรำลึกวาระครบรอบ 100 วัน ภัยพิบัติเรือเฟอร์รี ที่ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตราว 300 คน โดยส่วนใหญ่เป็นเด็กนักเรียนมัธยมปลาย
ทั้งนี้ ในหมู่ลูกเรือและผู้โดยสารทั้งหมด 476 คน ที่บนเรือเฟอร์รีเซวอล ที่พลิกคว่ำและอับปางนอกชายฝั่งทางตอนใต้ มี 325 คน เป็นนักเรียนจากโรงเรียนมัธยมดาวอน ซึ่งกำลังเดินทางไปทัศนศึกษา แต่มีนักเรียนเพียง 75 คนเท่านั้นที่รอดตายมาได้

นักเรียนอีกคนหนึ่งกล่าวว่า เธอและเพื่อนร่วมชั้นเรียนอีกหลายคนติดอยู่ในห้องพักผู้โดยสารบนเรือ เนื่องจากมีสัมภาระตกลงมาขวาง ขณะที่เรือเฟอร์รีระวางขับน้ำ 6,825 ตันลำนี้เอียงไปด้านหนึ่ง

บรรดาผู้โดยสารที่อยู่ห้องติดกันได้ยินเสียงร้องตะโกนขอความช่วยเหลือ จึงพังประตูเข้าไปและดึงพวกเขาออกมายังทางเดิน

เธอกล่าวว่า “พวกเขาบอกให้เราใจเย็นๆ และใช้ผ้าม่านทำเป็นเชือก จากนั้นก็มีชายคนหนึ่งปีนขึ้นไป แล้วดึงเราออกมา”

ในท้ายที่สุด เฮลิคอปเตอร์ของหน่วยรักษาการณ์ชายฝั่งก็นำตัวพวกเขาออกจากเรือที่กำลังอับปางลำนี้

*** นักเรียน “กลืนหายไป” กับน้ำ ***

หน่วยรักษาการณ์ชายฝั่งแห่งชาติเกาหลีใต้ถูกรุมวิพากษ์วิจารณ์ ในเรื่องวิธีรับมือจัดการกับภัยพิบัติอย่างกว้างขวาง และวันนี้ (29 ก.ค.) อัยการแผ่นดินเผยว่า ได้เข้าจับกุมกัปตันเรือตรวจการณ์ลำหนึ่ง ซึ่งอยู่ในที่เกิดเหตุมาสอบสวน

อัยการแผ่นดินชี้ว่า เขาอาจถูกดำเนินคดีในข้อหาปลอมแปลงเอกสารราชการ จากการข้อกล่าวหาที่ว่า เขาปลอมแปลงสมุดปูมเรือ (สมุดบันทึกเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างเดินเรือ รวมทั้งภารกิจกู้ภัย) เพื่อให้วิธีรับมือจัดการกับภัยพิบัติของหน่วยงานดูดีเกินจริง
(ภาพจากแฟ้ม) เจ้าหน้าที่รักษาการณ์ชายฝั่งกำลังช่วย ลี จุนซอก กัปตันเรือเฟอร์รีเซวอลที่อับปางขึ้นมาบนเรือกู้ภัย เมื่อวันที่ 16 เมษายน
การนัดสืบพยานที่ศาลในวันนี้ (29) สอดคล้องกับคำให้การเมือวานนี้ (28) โดยเหล่านักเรียนยืนกรานเป็นเสียงเดียวกันว่า ไม่มีลูกเรือคนไหนยอมช่วยเหลือพวกเขา พร้อมทั้งกล่าวว่า ผู้โดยสารถูกประกาศเตือนบนเรือให้อยู่กับที่ตอนที่เรือกำลังจม

นักเรียนทุกคนตัดสินใจให้การในห้องพิจารณาคดีใหญ่ ถึงแม้ก่อนหน้านี้ศาลได้เสนอให้พวกเขาให้การผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ก็ตาม

ทั้งนี้ การพิจารณาคดีเฟอร์รีเซวอล เปิดฉากขึ้นตั้งแต่เมื่อ 6 สัปดาห์ก่อน ณ เมืองกวางจู ซึ่งอยู่ห่างจากกรุงโซลลงไปทางใต้ 265 กิโลเมตร แต่ผู้พิพากษาและทนายความได้ย้ายมาปักหลักในศาลอันซาน ระหว่างนัดสืบพยานนักเรียนผู้รอดชีวิตทั้งสิ้น 17 คน เป็นเวลา 2 วัน

โรงเรียนมัธยมปลายดาวอนตั้งอยู่ในเมืองอันซาน

นักเรียนที่อยู่ในเหตุการณ์อีกคนเล่าว่า ต้องทนดูเพื่อนร่วมชั้นเรียนกลุ่มหนึ่งถูก “กลืนหายไป” กับน้ำ ขณะที่น้ำทะเลไหลทะลักเข้าและออกจากเรือเฟอร์รี

นักเรียนส่วนใหญ่สวมเสื้อชูชีพจึงสามารถโผล่พ้นระดับผิวน้ำ เมื่อน้ำทะเลเริ่มไหลทะลักเข้ามาทางหน้าต่างเรือ

เขากล่าวว่า แต่เมื่อเรือเอียงไปอีกด้านน้ำก็เริ่มไหลเข้าไปยังด้านในตัวเรือเฟอร์รี จากนั้น “นักเรียนก็ถูกถูกพัดพาและกลืนหายไปเป็นจำนวนมาก”

ที่เขารอดชีวิตมาได้ก็เพราะเท้าของเขาติดอยู่กับวงกบประตู และเมื่อน้ำเริ่มขึ้นสูงอีกครั้ง เขาก็หลุดออกมาและปีนออกนอกตัวเรือได้สำเร็จ
ดาวสีแดงในแผนที่แสดงจุดที่เรือเฟอร์รีเซวอลอับปาง ขณะกำลังนำส่งผู้โดยสารหลายร้อยชีวิตออกจากเกาะจินโด เพื่อมุ่งหน้าไปยังเกาะตากอากาศ เซจู
กำลังโหลดความคิดเห็น