xs
xsm
sm
md
lg

“ตู่” ปัดเอี่ยวแก๊งยิง M79 อ้างไม่นิยมรุนแรง-เลื่อนคดี นปช.ก่อการร้าย

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

นายจตุพร พรหมพันธฺุ์ ประธานนปช. (แฟ้มภาพ)
“ถวิล เปลี่ยนศรี” เบิกความคดี นปช.ก่อการร้าย ระบุติดภารกิจราชการขอเลื่อนสืบพยานไปอีก 3 เดือน หลังเกษียณมีเวลาเบิกความมากขึ้น ศาลพิจารณาแล้วอนุญาต นัดสืบพยานอีกครั้ง 6 พ.ย.นี้ พร้อมให้ออกหมายจับ “แขก บังชม” แนวร่วม นปช.จำเลยที่ 23 ไม่มาศาลโดยไม่มีเหตุ เชื่อมีพฤติการณ์หลบหนี ด้าน “ตู่” ประธาน นปช.ปัดไม่รู้จัก มือยิงระเบิดเอ็ม 79 ซัดให้การใส่ร้าย นปช. อ้างไม่นิยมความรุนแรง



วันนี้ (17 ก.ค.) ที่ห้องพิจารณา 704 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดสืบพยานโจทก์ คดีหมายเลขดำ อ.2542/ 2553 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 1 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายวีระ หรือวีระกานต์ มุสิกพงศ์ อดีตประธาน นปช., นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช., นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รักษา รมช.พาณิชย์, นพ.เหวง โตจิราการ และนายก่อแก้ว พิกุลทอง อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย กับพวกรวม 24 คน เป็นจำเลยที่ 1-24 ในความผิดฐานร่วมกันก่อการร้าย ร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา ให้ล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดินเพื่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมืองและร่วมกันชุมนุม ฝ่าฝืน พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 กรณีร่วมชุมนุมต่อเนื่องตั้งวันที่ 28 ก.พ. - 20 พ.ค. 2553 เพื่อกดดันให้นายอภิสิทธิ์เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีขณะนั้นประกาศยุบสภา

โดยในวันนี้จำเลยทั้ง 1-22 และ 24 มาศาล จำเลยที่ 23 นายสมพงศ์ บังชม หรือแขก ไม่ได้เดินทางมาศาล โดยทางทนายความจำเลยที่ 23 แถลงต่อศาลว่าก่อนหน้านี้จำเลยถูกจับกุมในคดีอื่น แต่ไม่รู้ว่าถูกคุมตัวที่ใดและไม่สามารถติดต่อกับญาติและนายประกันจำเลยที่ 23 ได้ ศาลพิจารณาแล้วเห็นว่าจำเลยที่ 23 ไม่มาศาลโดยไม่แจ้งเหตุขัดข้องให้ทราบ พฤติการณ์เชื่อว่าจะหลบหนี จึงให้ออกหมายจับจำเลยที่ 23 มาดำเนินคดี และสั่งปรับนายประกันตามสัญญาประกัน พร้อมทั้งส่งหมายแจ้งนายประกันจำเลยที่ 23 ให้มาชำระค่าปรับภายใน 30 วัน และให้จำหน่ายคดีของจำเลยที่ 23 ออกจากสารระบบความชั่วคราวก่อน และดำเนินคดีในส่วนของจำเลยที่เหลือต่อไป

จากนั้นอัยการโจทก์ได้ให้นายถวิล เปลี่ยนศรี เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เบิกความตอบคำซักค้านของทนายความจำเลยว่า หลังจากที่พรรคไทยรักไทยชนะการเลือกตั้งและได้เป็นรัฐบาล กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้มีการชุมนุมต่อต้านรัฐบาลที่เป็นเครือข่ายของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จนภายหลังมีการก่อรัฐประหารเกิดขึ้นในปี 2549 โดยคณะมนตรีรักษาความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ซึ่งหลังจากรัฐประหารแล้ว พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ได้ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี แต่คดีที่ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ครอบครองที่ป่าสงวนนั้นตนมาทราบตามข่าวภายหลังว่าพนักงานอัยการมีคำสั่งไม่ฟ้องเนื่องจากขาดเจตนา ซึ่งหลังจากพ้นรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ แล้วจึงมีการจัดการเลือกตั้งใหม่ โดยพรรคการเมืองที่ชนะการเลือกตั้ง คือ พรรคพลังประชาชน ซึ่งก็คือพรรคไทยรักไทยเดิม โดยนายสมัคร สุนทรเวช เป็นนายกรัฐมนตรี แต่ภายหลังนายสมัครพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เนื่องจากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ก็ได้นั่งตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อจากนายสมัคร สุนทรเวช อย่างไรก็ตาม ในวันแถลงนโยบายของรัฐบาลปรากฏว่า นายสมชายไม่สามารถขึ้นแถลงนโยบายต่อรัฐสภาได้เนื่องจากกลุ่มพันธมิตรฯ ไปชุมนุมคัดค้านที่หน้าอาคารรัฐสภา ต่อมาไม่นานมีการสลายการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ จนมีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต

นายถวิลเบิกความซักค้านต่อว่า เมื่อวันที่ 10 เม.ย. 2553 ตนได้ทราบว่ามีการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนที่เมืองพัทยา จ.ชลบุรี แต่จำไม่ได้ว่าผู้ชุมนุม นปช.เดินทางไปยื่นหนังสือคัดค้านการจัดรัฐบาลในค่ายทหารของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ต่อเลขาธิการอาเซียนที่พัทยาหรือไม่แต่ทราบว่ามีกลุ่ม นปช.มีการชุมนุม และมีกลุ่มคนที่ใส่เสื้อสีน้ำเงินออกมาต่อต้านและมีความขัดแย้งกับคนเสื้อแดง และทราบจากข่าวว่า นายเนวิน ชิดชอบ ไปปรากฏตัวที่พัทยาด้วยโดยเป็นภาพซ้อนจักรยานยนต์ปรากฏออกตามสื่อ แต่ไม่ทราบว่านายเนวินไปร่วมมือหรือทำร้ายใครเเต่อย่างใด

หลังจากเบิกความเสร็จในช่วงเช้า นายถวิลได้แถลงต่อศาลว่าปัจจุบันตนกลับมาดำรงตำแหน่งเลขาธิการสภาความมั่นคงต่อชาติ สมช. ขณะนี้อยู่ในช่วงประกาศกฎอัยการศึกภายใต้การบริหารราชการแผ่นดินของ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ คสช. พยานจึงมีภารกิจมาก พยานพร้อมที่ให้ความร่วมมือกับศาลเพื่อให้พิจารณาคดีแล้วเสร็จโดยเร็ว และให้ความร่วมมือตลอดมา ที่ผ่านมาก็มาศาลตามหมายเรียกตลอด พยานเหลืออายุราชการ 3 เดือนจะเกษียณวันที่ 30 ก.ย.นี้หลังจากนั้นพยานมีเวลาพร้อมที่จะให้ความร่วมมือเบิกความต่อศาลได้เต็มที่จึงขอเลื่อนการลืบพยานออกไปก่อน

ขณะที่ทนายจำเลยทั้ง 24 คนแถลงไม่คัดค้านและว่าพยานอีกปากที่เบิกความค้างไว้ก่อนหน้านี้ ปรึกษาร่วมกันแล้วขอให้รอพยานปากนายถวิลเบิกความให้จบเสียก่อน

ศาลพิเคราะห์คู่ความทั้งสองแล้วเห็นว่า คดีนี้เป็นคดีสำคัญ เป็นที่สนใจของประชาชน ศาลใช้เวลาพิจารณาคดีมานานพอสมควรและมีการเลื่อนคดีหลายครั้งแล้ว แต่การพิจารณาของศาลต้องนึกถึงความเป็นธรรมให้โอกาสแก่ทุกฝ่าย พยานปากนายถวิลเป็นพยานปากสำคัญ แต่พยานมีภารกิจต้องรับผิดชอบต่อหน้าที่ราชการและความมั่นคงของประเทศ หากต้องมาเบิกความติดกันทุกวัน เกรงจะเกิดความเสียหายต่อราชการในภาวะที่มีการเปลี่ยนผ่านทางการเมือง หากรออีก 3 เดือนพยานจะเกษียณราชการ ก็จะเป็นการสะดวกรวดเร็วกว่า จึงเห็นควรให้ยกเลิกวันนัดที่เหลือไว้เดิมและกำหนดวันพิจารณาใหม่ ตามที่คู่ความแถลงต่อศาล โดยนัดทุกวันพฤหัสบดีและวันศุกร์ของเดือนพฤศจิกายนก่อน จึงให้นัดสืบพยานโจทก์ครั้งต่อไปวันที่ 6 พ.ย. 2557 ตั้งแต่เวลา 09.00-16.30 น.

ภายหลัง นายจตุพรกล่าวถึงกรณีการจับกุมอาวุธสงครามและมีการซัดทอดนายอารีย์ ไกรนรา หัวหน้าการ์ด นปช.ว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องเสียหายกับกลุ่ม นปช.ที่ยึดถือแนวทางไม่ใช้ความรุนแรงอยู่แล้ว เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจึงไม่เกี่ยวกับ นปช. และผู้ที่ได้รับผลกระทบโดยตรงอย่างนายอารีย์ก็ได้ไปแจ้งความเอาผิดผู้ที่ให้การใส่ความปรักปรำ รวมทั้งสื่อมวลชนที่นำไปเผยแพร่แล้ว อีกทั้งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็ไม่มีเนื้อความที่ชัดเจนแต่อย่างใด เชื่อว่าประชาชนที่ได้รับทราบข่าวสารคงจะมีความเข้าใจ ส่วนคดีที่ผู้ต้องหายิงเอ็ม 79 ให้การว่าได้ไปรับอาวุธสงครามเพื่อก่อเหตุที่ห้างอิมพีเรียล ลาดพร้าวนั้นยืนยันว่าไม่จริง เรามีการลงทะเบียนและตรวจสอบกลุ่่ม นปช. บุคคลที่ถูกจับกุมและซัดทอดมานั้นตนไม่รู้จักสักคน เมื่อถามว่านายอารีย์ยังเป็นผู้ดูแลการ์ด นปช.อยู่อีกหรือไม่ นายจตุพรกล่าวว่า ตอนนี้อยู่ในช่วงที่ต้องยุติบทบาททางการเมืองไปก่อนจึงยังไม่มีหน้าที่อะไร


กำลังโหลดความคิดเห็น