ประธาน นปช. แถลงขอบคุณศาลไม่เพิกถอนประกัน ด้านเลขาฯ ก็ขอบคุณทำภารกิจเดินหน้าต่อ ยันไม่ได้พาดพิงให้เกิดความเสียหาย โวจะครองชีวิตไปจนถึงวันชุมนุมใหญ่ ลั่นสาวกพร้อมสู้แล้ว สุดงง! จำเลยไม่ยอมไปศาลส่งทนายอ้างทั้ง 2 ป่วยไข้ หลอดลมอักเสบ แต่ดันแถลงข่าวได้
วันนี้ (18 เม.ย.) ที่ห้างอิมพีเรียลเวิลด์ ลาดพร้าว เมื่อเวลา 16.00 น. นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) แถลงขอบคุณศาลอาญาที่ให้ความยุติธรรม หลังมีคำสั่งไม่เพิกถอนประกันตนเอง และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการ นปช. และขอขอบคุณทุกคนที่ให้กำลังใจ แต่ทั้งนี้หากถูกถอนประกันจริง ตนเองก็มีแนวทางไว้ในใจ แต่เมื่อไม่ถูกถอนก็ขอไม่พูดถึง พร้อมยืนยันว่าแนวทางการต่อสู้ที่ผ่านมาเป็นไปตามแนวทางประชาธิปไตย
ด้านนายณัฐวุฒิ กล่าวขอบคุณศาลที่ให้อิสรภาพ ทำให้ภารกิจในการต่อสู้ของ นปช. ดำเนินการต่อไปได้ และขอยืนยันว่าการขึ้นเวทีปราศรัยที่สนามกีฬา จังหวัดนครราชสีมา ที่ผ่านมานั้น ไม่ได้มีการพาดพิงหรือทำให้เกิดความเสียหายแต่อย่างใด พร้อมทั้งขอสัญญาว่าจะครองชีวิตและอิสรภาพไปจนถึงวันชุมนุมใหญ่ เพื่อทุกคนที่ต้องการปกป้องประชาธิปไตย วันนี้ นปช. พร้อมแล้วที่จะต่อสู้
ทั้งนี้ ศาลอาญาได้นัดไต่สวน นายสาธิต ปิตุเตชะ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ อดีต ส.ส.ระยอง, นายบรรจบ รุ่งโรจน์ อดีต ส.ส.ชลบุรี และนายทศพล เพ็งส้ม อดีต ส.ส.นนทบุรี พรรคประชาธิปัตย์ เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงกรณีที่มีการกล่าวหานายจตุพร และนายณัฐวุฒิ จำเลยที่ 2-3 ในคดีหมายเลขดำ อ.2542/2553 ที่ร่วมกับแกนนำ นปช. รวม 24 คนก่อการร้าย ว่าทั้งสองมีพฤติการณ์กระทำการเข้าข่ายผิดเงื่อนไขการปล่อยชั่วคราว โดยทั้งสองได้ขึ้นเวทีปราศรัย นปช. ที่ จ.นครราชสีมา เมื่อวันที่ 25 ก.พ. 2557 ทั้งที่ศาลอาญาได้กำหนดเงื่อนไขการปล่อยชั่วคราวคดีก่อการร้าย ห้ามจำเลยกระทำการใดๆ ลักษณะดูหมิ่นผู้อื่น ยั่วยุ ปลุกปั่น ปลุกระดมเพื่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง หรืออาจก่อให้เกิดอันตรายกระทบต่อเกียรติยศ ชื่อเสียง และความเป็นอยู่ของผู้อื่น หรือความสงบเรียบร้อย หรือศีลธรรมอันดีของประชาชน และห้ามเดินทางออกนอกราชอาณาจักร เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากศาล
โดย นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความของจำเลยได้ยื่นคำร้องขอเลื่อนการไต่สวนดังกล่าวออกไปเป็นวันที่ 8 พ.ค. นี้ซึ่งเป็นวันเดียวกับที่ศาลนัดสืบพยานโจทก์คดีก่อการร้ายดังกล่าว เนื่องจากนายจตุพรจำเลยที่ 2 มีอาการป่วยเป็นไข้ เจ็บคอ และนายณัฐวุฒิ จำเลยที่ 3 มีอาการหลอดลมอักเสบซึ่งต้องพักรักษาตัวจึงไม่สามารถเดินทางมาศาลได้
อย่างไรก็ตาม ศาลได้อ่านคำสั่งโดยศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า มีแกนนำบางคนพูดจาอย่างรุนแรง แต่ไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 2-3 ยั่วยุ ปลุกปั่น ปลุกระดม เพื่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง หรืออาจก่อให้เกิดอันตรายกระทบต่อเกียรติยศ ชื่อเสียง และความเป็นอยู่ของผู้อื่น หรือความสงบเรียบร้อย หรือศีลธรรมอันดีของประชาชนแต่อย่างใด เพียงลำพังที่จำเลยทั้งสองปราศรัยให้มวลชนต่อต้านรัฐประหาร ย่อมเป็นสิทธิที่สามารถทำได้ เพราะการทำรัฐประหารเป็นความผิดที่มีโทษอยู่ในตัว
ส่วนกรณีที่จำเลยทั้งสองนัดประชาชนชุมนุมเพื่อต่อต้านศาลรัฐธรรมนูญนั้น จำเลยที่ 2-3 และประชาชนถือเป็นกลุ่มหนึ่งที่สามารถแสดงความเห็นในทางหนึ่งทางใดได้ แม้ไม่เห็นด้วยกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ แต่คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญย่อมมีผลผูกพันต่อรัฐสภา และทุกฝ่ายต้องยอมรับ
ในชั้นนี้พยานเอกสารและพยานวัตถุยังไม่พอฟังได้ว่าจำเลยที่ 2-3 กระทำผิดเงื่อนไขการปล่อยชั่วคราวของศาล แต่ให้จำเลยทั้งสองระวังในการจัดชุมนุมและการปราศรัย รวมถึงการกระทำใดๆ ที่อาจผิดเงื่อนไขการปล่อยชั่วคราว ซึ่งศาลอาจเพิกถอนการปล่อยชั่วคราวได้ สำหรับคดีก่อการร้ายที่ศาลอาญานัดสืบพยานโจทก์ในวันที่ 8 พ.ค. นี้ ก็ได้ดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปตามวันนัดดังกล่าว