ศาลไม่เพิกถอนการประกันตัว“ตู่-เต้น” แกนนำ นปช.ก่อการร้าย ปลุกระดมมวลชน-ชุมนุมใหญ่ ชี้ยังไม่เข้าข่ายยั่วยุปลุกปั่น หรือผิดเงื่อนไขปล่อยชั่วคราว
ที่ห้องพิจารณา 803 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก วันนี้ (18 เม.ย.) ศาลนัดไต่สวนนายสาธิต ปิตุเตชะ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ อดีต ส.ส.ระยอง, นายบรรจบ รุ่งโรจน์ อดีต ส.ส.ชลบุรี และนายทศพล เพ็งส้ม อดีต ส.ส.นนทบุรี พรรคประชาธิปัตย์ เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงกรณีที่มีการกล่าวหานายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการ นปช. จำเลยที่ 2-3 ในคดีหมายเลขดำ อ.2542/2553 ที่ร่วมกับแกนนำ นปช.รวม 24 คนก่อการร้าย ว่าทั้งสองมีพฤติการณ์กระทำการเข้าข่ายผิดเงื่อนไขการปล่อยชั่วคราว โดยทั้งสองได้ขึ้นเวทีปราศรัย นปช.ที่ จ.นครราชสีมา เมื่อวันที่ 23 ก.พ. 2557 ทั้งที่ศาลอาญาได้กำหนดเงื่อนไขการปล่อยชั่วคราวคดีก่อการร้าย ห้ามจำเลยกระทำการใดๆลักษณะดูหมิ่นผู้อื่น ยั่วยุ ปลุกปั่น ปลุกระดมเพื่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง หรืออาจก่อให้เกิดอันตรายกระทบต่อเกียรติยศ ชื่อเสียง และความเป็นอยู่ของผู้อื่น หรือความสงบเรียบร้อย หรือศีลธรรมอันดีของประชาชน และห้ามเดินทางออกนอกราชอาณาจักร เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากศาล
โดยวันนี้นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความของจำเลยได้ยื่นคำร้องขอเลื่อนการไต่สวนดังกล่าวออกไปเป็นวันที่ 8 พ.ค.นี้ซึ่งเป็นวันเดียวกับที่ศาลนัดสืบพยานโจทก์คดีก่อการร้ายดังกล่าว เนื่องจากนายจตุพรจำเลยที่ 2 มีอาการป่วยเป็นไข้ เจ็บคอ และนายณัฐวุฒิ จำเลยที่ 3 มีอาการหลอดลมอักเสบซึ่งต้องพักรักษาตัวจึงไม่สามารถเดินทางมาศาลได้ ซึ่งนายวิญญัติทนายความได้นำใบรับรองแพทย์โรงพยาบาลพระราม 9 ของจำเลยทั้งสองมายื่นต่อศาลประกอบการพิจารณาด้วย พร้อมยืนยันในคำร้องว่าจำเลยไม่มีเจตนาหลบหนีแต่เพราะอาการป่วยจึงไม่สามารถมาศาลได้และขอให้ศาลอนุญาตเลื่อนนัดการไต่สวนออกไปสักครั้งหนึ่งก่อนเพื่อให้สถานการณ์บ้านเมืองคลี่คลายลง และเพื่อให้โอกาสจำเลยทั้งสองต่อสู้คดีอย่างเต็มที่ในการที่จะรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ เช่น คลิปวิดีโอ ภาพถ่ายบรรยากาศการชุมนุม นปช.ประกอบการไต่สวนที่จะยืนยันว่าจำเลยทั้งสองไม่ได้กระทำผิดเงื่อนไขการปล่อยชั่วคราว การที่จำเลยที่ 2-3 กับพวกรวมทั้งประชาชน ต้องออกมาชุมนุมเพื่อปกป้องพิทักษ์รัฐธรรมนูญและการปกครองเพราะการชุมนุมของกลุ่ม กปปส.และอดีตสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์หลายคนได้กระทำผิดต่อกฎหมาย โดยพยานหลักฐานนั้นมีจำนวนมากและยังรวบรวมไม่แล้วเสร็จ จึงไม่สามารถเตรียมพยานหลักฐานมาเสนอได้ทันในวันนี้
ศาลพิจารณาคำร้องแล้ว เห็นว่ากรณียังไม่มีเหตุจำเป็นที่จะให้เลื่อนนัดไต่สวนวันนี้ จึงให้เริ่มไต่สวนนายสาธิต รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์, นายบรรจบ อดีต ส.ส.ชลบุรี และนายทศพล อดีต ส.ส.นนทบุรี พรรคประชาธิปัตย์ พยานได้กล่าวถึงคำปราศรัยของนายจตุพร และนายณัฐวุฒิ จำเลยทั้งสองที่ขึ้นเวทีปราศรัยวันที่ 23 ก.พ. 2557 ที่ จ.นครราชสีมา ว่า เป็นการปลุกระดมให้ นปช.แต่ละจังหวัดจัดชายฉกรรจ์ตั้งเป็นกองกำลังจังหวัดละไม่ต่ำกว่า 100 คน อีกทั้งยังมีการอ้างถึงการตั้งรัฐบาลพลัดถิ่น นัดให้ประชาชนมาร่วมชุมนุมใหญ่ใน กทม. นอกจากการปราศรัยดังกล่าวแล้ว จำเลยยังได้ให้สัมภาษณ์ลักษณะดังกล่าวอีกหลายครั้ง โดยการไต่สวนนายสาธิต รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้นำส่งเอกสารที่เป็นคำถอดเทปการปราศรัยเสนอศาลด้วย
ภายหลังศาลใช้เวลา 3 ชั่วโมง ไต่สวนพยานทั้ง 3 ปากเสร็จสิ้นแล้ว ได้นัดฟังคำสั่งว่าจะเพิกถอนการปล่อยชั่วคราวนายจตุพร และนายณัฐวุฒิหรือไม่ ในวันนี้ (18 เม.ย.) เวลา 15.00 น.
นพ.เหวง โตจิราการ แกนนำ นปช.กล่าวว่า ตนยังไม่สามารถติดต่อนายณัฐวุฒิ และนายจตุพรได้ แต่ทราบว่าทั้งสองคนไม่สบายอยู่จึงไม่สามารถเดินทางมาฟังคำสั่งของศาลในวันนี้ได้ ส่วนศาลจะมีคำสั่งอย่างไรนั้นตนก็พร้อมจะน้อมรับและคิดว่าถึงแม้ศาลจะมีคำสั่งอย่างไรก็จะไม่มีผลกระทบต่อการเดินหน้าชุมนุมของ นปช. และในที่ประชุมก็ยังไม่มีการคุยกันถึงเรื่องหากศาลสั่งถอนประกันนายจตุพรแล้วใครจะขึ้นเป็นประธาน นปช.แทน แต่เชื่อว่าจะได้รับความเมตตาจากศาล
นายสาธิต ปิตุเตชะ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตนมั่นใจในข้อมูลที่เตรียมมาว่าการกระทำของจำเลยผิดเงื่อนไขของศาลชัดเจน แต่ก็เคารพคำสั่งศาล ส่วนจำเลยทั้งสองที่ไม่มาฟังคำสั่งในวันนี้ หากศาลมีคำสั่งถอนประกันจริง นายประกันก็จะมีหน้าที่ไปนำตัวทั้งสองปฏิบัติตามคำสั่งของศาล หากไม่ได้ตัวมาศาลก็จะสั่งปรับนายประกัน และออกหมายจับต่อไป
ต่อมาเวลา 15.30 น. ศาลได้อ่านคำสั่งโดยศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ตามที่พยานทั้งสามปากได้เบิกความว่าจำเลยที่ 2-3 เป็นแกนนำจัดชุมนุมและมีการปราศรัยบนเวทีนปช.ที่ จ.นครราชสีมา เมื่อวันที่ 23 ก.พ.2557 โดยจำเลยทั้งสองจัดให้แกนนำนปช.แต่ละจังหวัดขึ้นแสดงความคิดเห็นและเสนอแนวทางทางการเมือง โดยมีแกนนำบางคนพูดจาอย่างรุนแรง แต่ไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 2-3 ยั่วยุ ปลุกปั่น ปลุกระดม เพื่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง หรืออาจก่อให้เกิดอันตรายกระทบต่อเกียรติยศ ชื่อเสียง และความเป็นอยู่ของผู้อื่น หรือความสงบเรียบร้อย หรือศีลธรรมอันดีของประชาชนแต่อย่างใด เพียงลำพังที่จำเลยทั้งสองปราศรัยให้มวลชนต่อต้านรัฐประหาร ย่อมเป็นสิทธิที่สามารถทำได้ เพราะการทำรัฐประหารเป็นความผิดที่มีโทษอยู่ในตัว ส่วนกรณีที่จำเลยทั้งสองนัดประชาชนชุมนุมเพื่อต่อต้านศาลรัฐธรรมนูญนั้น จำเลยที่ 2-3 และประชาชนถือเป็นกลุ่มหนึ่งที่สามารถแสดงความเห็นในทางหนึ่งทางใดได้ แม้ไม่เห็นด้วยกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ แต่คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญย่อมมีผลผูกพันต่อรัฐสภา และทุกฝ่ายต้องยอมรับ ในชั้นนี้พยานเอกสารและพยานวัตถุยังไม่พอฟังได้ว่าจำเลยที่ 2-3 กระทำผิดเงื่อนไขการปล่อยชั่วคราวของศาล แต่ให้จำเลยทั้งสองระวังในการจัดชุมนุมและการปราศรัย รวมถึงการกระทำใดๆ ที่อาจผิดเงื่อนไขการปล่อยชั่วคราว ซึ่งศาลอาจเพิกถอนการปล่อยชั่วคราวได้ สำหรับคดีก่อการร้ายที่ศาลอาญานัดสืบพยานโจทก์ในวันที่ 8 พ.ค.นี้ ก็ได้ดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปตามวันนัดดังกล่าว
ด้านนายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความ เปิดเผยภายหลังว่า ศาลเห็นว่าการกระทำของจำเลยเป็นการแสดงออกซึ่งเป็นสิทธิเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ แม้ว่าการต่อต้านรัฐประหารหรือการไม่เห็นด้วยกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญก็เป็นการแสดงความคิดเห็น โดยศาลมองว่าเป็นสิทธิของประชาชนซึ่งสามารถกระทำได้ จึงไม่เพิกถอนการปล่อยชั่วคราว แต่ศาลก็ได้กำชับเตือนไม่ให้จำเลยกระทำผิดเงื่อนไข ทั้งนี้ภายหลังศาลมีคำสั่งตนก็ได้พูดคุยกับนายจตุพรและนายณัฐวุฒิทางโทรศัพท์ ซึ่งทั้งสองก็ฝากขอบคุณศาลที่ให้ความเป็นธรรม และยืนยันว่าในการชุมนุมใหญ่ของนปช.จะไม่ให้มีการกระทำที่ผิดกฎหมายและต่อสู้อยู่ในระบอบประชาธิปไตย