ASTV ผู้จัดการรายวัน - ศาลอาญาให้ออกหมายจับ “จตุพร” มาเบิกความคดีตกเป็นจำเลยหมิ่นประมาท “อภิสิทธิ์” สั่งฆ่าประชาชน เจ้าตัวต้องวิ่งมาชี้แจงศาลยอมเพิกถอนฯ แต่กำชับให้มาเบิกความตามนัดในวันที่ 26 พ.ค. ด้านหลวงปู่พุทธะอิสระส่งทนายยื่นศาลอาญาเพิกถอนหมายจับข้อหาร่วมกันเป็นกบฏ ระบุ กปปส.ชุมนุมตามสิทธิรัฐธรรมนูญ
ที่ห้องพิจารณาคดี 907 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก วานนี้ (19 พ.ค.) ศาลนัดสืบพยานจำเลย ในคดีหมายเลขดำ อ.4176/2552 ที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เป็นจำเลยในความผิดฐานหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา จากกรณีเมื่อวันที่ 11 และ 17 ต.ค. 2552 จำเลยขึ้นเวทีปราศรัยกล่าวหานายอภิสิทธิ์ในทำนองว่าโจทก์ซึ่งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในขณะนั้นได้สั่งฆ่าประชาชน และขัดขวางการยื่นถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และอื่นๆ ซึ่งล้วนเป็นความเท็จ
เมื่อถึงเวลานัด นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความจำเลยได้แถลงขอเลื่อนการสืบพยานจำเลยเนื่องจากสถานการณ์ปัจจุบันเกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง มีการใช้กำลังต่อชีวิต ร่างกาย และทรัพย์สินของประชาชน กระทั่งนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. ได้ประกาศตามล่ารัฐมนตรีรักษาการเพื่อบีบบังคับให้ลาออกจากตำแหน่ง รวมถึงจำเลยซึ่งอยู่ฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองด้วย การประกาศดังกล่าวอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อจำเลย และจำเลยต้องควบคุมดูแลการชุมนุมที่ถนนอักษะไม่ให้มีการกระทำผิดต่อกฎหมาย การสืบพยานระหว่างวันนี้ถึงวันที่ 26 พ.ค.อยู่ระหว่างบ้านเมืองขัดแย้งรุนแรง อาจเป็นอันตรายต่อจำเลยอย่างมาก จึงขอเลื่อนการสืบพยานในคดีนี้ออกไปก่อน
ศาลสอบถามทนายโจทก์แล้วแถลงว่า จำเลยขอเลื่อนนัดมา 2 ครั้งแล้ว และครั้งนี้ยังขอเลื่อนนัดอีก เนื่องจากอ้างเหตุเกรงว่าจะเกิดอันตราย ทั้งที่ความจริงแล้วจำเลยและพวกอยู่ในการชุมนุมไม่เคยได้รับอันตราย จึงไม่มีเหตุเชื่อว่าจำเลยมาศาลแล้วจะได้รับอันตราย
พิเคราะห์แล้วเห็นว่า ศาลได้กำชับทนายจำเลยว่าถ้าจำเลยไม่มาศาลในนัดนี้โดยอ้างเหตุเจ็บป่วยหรือเหตุอื่นที่ไม่สมควร ถือว่ามีเจตนาประวิงคดี ศาลจะออกหมายจับต่อไป และในนัดก่อนศาลได้ออกหมายเรียกให้จำเลยมาศาลและผลการส่งหมายเป็นไปโดยชอบแล้ว ทนายจำเลยได้แถลงต่อศาลว่ามีจำเลยเป็นพยานเบิกความเพียงปากเดียว ถือว่าเป็นพยานสำคัญ และวันนี้ทนายจำเลยขอเลื่อนนัดอีกโดยอ้างเหตุสถานการณ์ไม่ปกติจำเลยไม่กล้ามาเบิกความ แต่สาเหตุเพียงเท่านี้ไม่พอรับฟังให้เลื่อนนัดอีก เพื่อความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่ายให้ออกหมายจับจำเลยเพื่อมาเบิกความในวันที่ 26 พ.ค.นี้ เวลา 09.00 น.ซึ่งศาลได้นัดไว้ก่อนแล้ว และกำชับให้ทนายจำเลยกำชับให้จำเลยมาศาล ถ้าไม่มาศาลโดยไม่มีเหตุพอสมควร ศาลจะพิจารณาเรื่องสืบพยานจำเลยต่อไป
ภายหลังนายวิญญัติกล่าวว่า ได้ประสานกับนายจตุพรให้เข้ามอบตัวต่อศาลแล้ว เพื่อแสดงให้ศาลเห็นว่าไม่มีเจตนาประวิงคดี อย่างไรก็ตาม ล่าสุด เมื่อเวลา 13.30 น. ที่ผ่านมา นายจตุพร พรหมพันธุ์ ได้เดินทางมายังศาลอาญา พร้อมนายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความ เพื่อรายงานตัวต่อศาล ว่าไม่มีเจตนาที่จะประวิงคดีดังกล่าว
ทั้งนี้ ศาลได้สอบถามถึงสาเหตุที่ไม่เดินทางมาศาล ซึ่งนายจตุพร ได้แถลงต่อศาลว่า เหตุที่ขอเลื่อนนัดสืบพยาน นั้นไม่ได้มีเจตนาหลบหนีหรือประวิงคดี แต่มีเหตุการณ์หลวงปู่พุทธะอิสระนำมวลชนเดินทางมาศาลในเวลาเดียวกัน จึงเป็นเหตุให้เห็นว่าอาจจะไม่ได้รับความปลอดภัย และอาจมีการเผชิญหน้ากับมวลชนจนเกิดความวุ่นวายภายในบริเวณศาล เมื่อทราบว่าศาลได้ออกหมายจับ จึงรีบเดินทางมารายงานตัว เพื่อแสดงเจตนาที่จะมาศาลเบิกความในนัดต่อไป และขอให้ศาลเพิกถอนหมายจับให้มาเบิกความด้วย
ภายหลังศาลสอบถามเสร็จได้ให้นายจตุพร กล่าวสาบานตนต่อศาลว่า จะเดินทางมาเบิกความตามนัดในวันที่ 26 พ.ค.นี้
ศาลพิเคราะห์คำแถลงจำเลยแล้วเห็นว่า พฤติกรรมน่าเชื่อว่าไม่อาจมาศาลได้ในช่วงเช้าตามหมายเรียกของศาล โดยไม่มีเจตนาประวิงคดีหรือหลบหนี จึงมีเหตุพอที่ศาลจะพิจารณาเพิกถอนหมายจับให้และได้กำชับให้จำเลยสาบานตนแล้วว่าจะมาศาลตามกำหนดนัด ในวันที่ 26 พ.ค.นี้ โดยให้ปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด ถ้าไม่มาโดยไม่มีเหตุพอรับฟังได้ จะถือว่าผิดสัญญาประกัน มีเจตนาประวิงคดีและหลบหนี
นายจตุพร กล่าวว่า สาเหตุที่ตนไม่สามารถเดินทางมาเบิกความต่อสู้คดีในช่วงเช้าได้ เนื่องจากทราบว่าในช่วงเวลานั้นหลวงปู่พุทธะอิสระได้นำมวลชนมาศาลอาญา เกรงว่าหากเดินทางมาในช่วงเวลาเดียวกันอาจเป็นอันตรายและทำให้ผู้อื่นได้รับความเสียหาย จึงให้ทนายความมาขอเลื่อนสืบพยาน แต่พอทราบว่าศาลได้ออกหมายจับ จึงได้รีบเดินทางมาเพื่อรายงานตัวและชี้แจงต่อศาล ซึ่งศาลก็ได้ให้สาบานตนว่าจะเดินทางมาเป็นพยานเบิกความในวันที่ 26 พ.ค.นี้
นายจตุพร กล่าวต่อว่า สำหรับการชุมนุมของกลุ่มนปช.ในวันที่ 26 พ.ค.นั้น ตนจะมอบหมายให้นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการ นปช.เป็นผู้คอยดูแลสถานการณ์แทน ทั้งนี้ ไม่เชื่อว่านายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการกปปส. จะมอบตัวในวันที่ 27 พ.ค.นี้อย่างที่ได้เคยประกาศไว้ โดยจะมีการจัดฉากร้องขอไม่ให้นายสุเทพเข้ามอบตัว ดังนั้น ตนอยากให้นายสุเทพเข้ามอบตัวทุกคดี
***“หลวงปู่ยื่นศาลเพิกถอนหมายจับกบฏ
ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก เมื่อเวลา 09.50 น.วันเดียวกัน หลวงปู่พุทธะอิสระพร้อมทนายความและมวลชนจากเวที กปปส.แจ้งวัฒนะกว่า 200 คนเดินทางมาศาลอาญา เพื่อยื่นคำร้องเพิกถอนหมายจับข้อหาร่วมกันเป็นกบฏ กรณีศาลอาญาออกหมายจับตนเองร่วมกับ 30 แกนนำ กปปส. จากนั้นจึงมอบหมายให้นายสิริ เจนจาคะ ทนายความยื่นไปยื่นคำร้องต่อศาล ขณะที่หลวงปู่พุทธะอิสระไม่ได้เข้ามาภายในรั้วศาลอาญา
โดยหลวงปู่พุทธะอิสระกล่าวว่า กลุ่ม กปปส.มีเสรีภาพในการชุมนุมตามรัฐธรรมนูญ รวมถึงการเคลื่อนไหวของกลุ่ม กปปส.มิใช่การล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตย และไม่ได้ทำให้ทรัพย์สินของทางราชการเสียหาย และเห็นว่ากรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ ดำเนินคดีผิดขั้นตอน ไม่มีการออกหมายเรียกแกนนำ กปปส.มาสอบสวน ทั้งที่ข้อหากบฏมีอัตราโทษสูงถึงประหารชีวิต จึงเดินทางมาเพื่อยื่นคำร้องขอความเป็นธรรมต่อศาลเพื่อให้เพิกถอนหมายจับ ซึ่งขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาล โดยกลุ่ม กปปส.จะไม่ก้าวล่วง
นอกจากนี้ หลวงปู่พุทธะอิสระกล่าวอีกว่า ในวันพรุ่งนี้จะไปยื่นคำร้องต่อสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. กรณีดีเอสไอไม่รับคดีทุจริตจำนำข้าวเป็นคดีพิเศษ และแจ้งความดำเนินคดีต่อดีเอสไอที่กองปราบปราม ข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ด้วย
ส่วนกรณีที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส.ประกาศว่าจะเข้ามอบตัวในวันที่ 27 พ.ค.นี้หากไม่ได้รับชัยชนะนั้น หลวงปู่พุทธะอิสระระบุว่า แม้เวที กปปส.ที่ทำเนียบรัฐบาลจะยุติลงหรือไม่ แต่เวทีแจ้งวัฒนะจะเคลื่อนไหวต่อเพื่อผลักดันร่างสภาชาวนาต่อไป ส่วนการย้ายเวทีเข้าไปภายในศูนย์ราชการนั้นอยู่ระหว่างการพิจารณา
ด้านนายสิระ เจนจาคะ ทนายความหลวงปู่พุทธะอิสระ เปิดเผยว่า เบื้องต้นศาลได้รับคำร้องไว้พิจารณาและจะมีคำสั่งภายในวันนี้ว่าจะเพิกถอนหมายจับหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ในวันพรุ่งนี้ฝ่ายกฎหมาย แกนนำ กปปส.จะเข้ายื่นคำร้องต่อศาลเพื่อขอเพิกถอนหมายจับเช่นกัน.
ที่ห้องพิจารณาคดี 907 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก วานนี้ (19 พ.ค.) ศาลนัดสืบพยานจำเลย ในคดีหมายเลขดำ อ.4176/2552 ที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เป็นจำเลยในความผิดฐานหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา จากกรณีเมื่อวันที่ 11 และ 17 ต.ค. 2552 จำเลยขึ้นเวทีปราศรัยกล่าวหานายอภิสิทธิ์ในทำนองว่าโจทก์ซึ่งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในขณะนั้นได้สั่งฆ่าประชาชน และขัดขวางการยื่นถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และอื่นๆ ซึ่งล้วนเป็นความเท็จ
เมื่อถึงเวลานัด นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความจำเลยได้แถลงขอเลื่อนการสืบพยานจำเลยเนื่องจากสถานการณ์ปัจจุบันเกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง มีการใช้กำลังต่อชีวิต ร่างกาย และทรัพย์สินของประชาชน กระทั่งนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. ได้ประกาศตามล่ารัฐมนตรีรักษาการเพื่อบีบบังคับให้ลาออกจากตำแหน่ง รวมถึงจำเลยซึ่งอยู่ฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองด้วย การประกาศดังกล่าวอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อจำเลย และจำเลยต้องควบคุมดูแลการชุมนุมที่ถนนอักษะไม่ให้มีการกระทำผิดต่อกฎหมาย การสืบพยานระหว่างวันนี้ถึงวันที่ 26 พ.ค.อยู่ระหว่างบ้านเมืองขัดแย้งรุนแรง อาจเป็นอันตรายต่อจำเลยอย่างมาก จึงขอเลื่อนการสืบพยานในคดีนี้ออกไปก่อน
ศาลสอบถามทนายโจทก์แล้วแถลงว่า จำเลยขอเลื่อนนัดมา 2 ครั้งแล้ว และครั้งนี้ยังขอเลื่อนนัดอีก เนื่องจากอ้างเหตุเกรงว่าจะเกิดอันตราย ทั้งที่ความจริงแล้วจำเลยและพวกอยู่ในการชุมนุมไม่เคยได้รับอันตราย จึงไม่มีเหตุเชื่อว่าจำเลยมาศาลแล้วจะได้รับอันตราย
พิเคราะห์แล้วเห็นว่า ศาลได้กำชับทนายจำเลยว่าถ้าจำเลยไม่มาศาลในนัดนี้โดยอ้างเหตุเจ็บป่วยหรือเหตุอื่นที่ไม่สมควร ถือว่ามีเจตนาประวิงคดี ศาลจะออกหมายจับต่อไป และในนัดก่อนศาลได้ออกหมายเรียกให้จำเลยมาศาลและผลการส่งหมายเป็นไปโดยชอบแล้ว ทนายจำเลยได้แถลงต่อศาลว่ามีจำเลยเป็นพยานเบิกความเพียงปากเดียว ถือว่าเป็นพยานสำคัญ และวันนี้ทนายจำเลยขอเลื่อนนัดอีกโดยอ้างเหตุสถานการณ์ไม่ปกติจำเลยไม่กล้ามาเบิกความ แต่สาเหตุเพียงเท่านี้ไม่พอรับฟังให้เลื่อนนัดอีก เพื่อความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่ายให้ออกหมายจับจำเลยเพื่อมาเบิกความในวันที่ 26 พ.ค.นี้ เวลา 09.00 น.ซึ่งศาลได้นัดไว้ก่อนแล้ว และกำชับให้ทนายจำเลยกำชับให้จำเลยมาศาล ถ้าไม่มาศาลโดยไม่มีเหตุพอสมควร ศาลจะพิจารณาเรื่องสืบพยานจำเลยต่อไป
ภายหลังนายวิญญัติกล่าวว่า ได้ประสานกับนายจตุพรให้เข้ามอบตัวต่อศาลแล้ว เพื่อแสดงให้ศาลเห็นว่าไม่มีเจตนาประวิงคดี อย่างไรก็ตาม ล่าสุด เมื่อเวลา 13.30 น. ที่ผ่านมา นายจตุพร พรหมพันธุ์ ได้เดินทางมายังศาลอาญา พร้อมนายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความ เพื่อรายงานตัวต่อศาล ว่าไม่มีเจตนาที่จะประวิงคดีดังกล่าว
ทั้งนี้ ศาลได้สอบถามถึงสาเหตุที่ไม่เดินทางมาศาล ซึ่งนายจตุพร ได้แถลงต่อศาลว่า เหตุที่ขอเลื่อนนัดสืบพยาน นั้นไม่ได้มีเจตนาหลบหนีหรือประวิงคดี แต่มีเหตุการณ์หลวงปู่พุทธะอิสระนำมวลชนเดินทางมาศาลในเวลาเดียวกัน จึงเป็นเหตุให้เห็นว่าอาจจะไม่ได้รับความปลอดภัย และอาจมีการเผชิญหน้ากับมวลชนจนเกิดความวุ่นวายภายในบริเวณศาล เมื่อทราบว่าศาลได้ออกหมายจับ จึงรีบเดินทางมารายงานตัว เพื่อแสดงเจตนาที่จะมาศาลเบิกความในนัดต่อไป และขอให้ศาลเพิกถอนหมายจับให้มาเบิกความด้วย
ภายหลังศาลสอบถามเสร็จได้ให้นายจตุพร กล่าวสาบานตนต่อศาลว่า จะเดินทางมาเบิกความตามนัดในวันที่ 26 พ.ค.นี้
ศาลพิเคราะห์คำแถลงจำเลยแล้วเห็นว่า พฤติกรรมน่าเชื่อว่าไม่อาจมาศาลได้ในช่วงเช้าตามหมายเรียกของศาล โดยไม่มีเจตนาประวิงคดีหรือหลบหนี จึงมีเหตุพอที่ศาลจะพิจารณาเพิกถอนหมายจับให้และได้กำชับให้จำเลยสาบานตนแล้วว่าจะมาศาลตามกำหนดนัด ในวันที่ 26 พ.ค.นี้ โดยให้ปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด ถ้าไม่มาโดยไม่มีเหตุพอรับฟังได้ จะถือว่าผิดสัญญาประกัน มีเจตนาประวิงคดีและหลบหนี
นายจตุพร กล่าวว่า สาเหตุที่ตนไม่สามารถเดินทางมาเบิกความต่อสู้คดีในช่วงเช้าได้ เนื่องจากทราบว่าในช่วงเวลานั้นหลวงปู่พุทธะอิสระได้นำมวลชนมาศาลอาญา เกรงว่าหากเดินทางมาในช่วงเวลาเดียวกันอาจเป็นอันตรายและทำให้ผู้อื่นได้รับความเสียหาย จึงให้ทนายความมาขอเลื่อนสืบพยาน แต่พอทราบว่าศาลได้ออกหมายจับ จึงได้รีบเดินทางมาเพื่อรายงานตัวและชี้แจงต่อศาล ซึ่งศาลก็ได้ให้สาบานตนว่าจะเดินทางมาเป็นพยานเบิกความในวันที่ 26 พ.ค.นี้
นายจตุพร กล่าวต่อว่า สำหรับการชุมนุมของกลุ่มนปช.ในวันที่ 26 พ.ค.นั้น ตนจะมอบหมายให้นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการ นปช.เป็นผู้คอยดูแลสถานการณ์แทน ทั้งนี้ ไม่เชื่อว่านายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการกปปส. จะมอบตัวในวันที่ 27 พ.ค.นี้อย่างที่ได้เคยประกาศไว้ โดยจะมีการจัดฉากร้องขอไม่ให้นายสุเทพเข้ามอบตัว ดังนั้น ตนอยากให้นายสุเทพเข้ามอบตัวทุกคดี
***“หลวงปู่ยื่นศาลเพิกถอนหมายจับกบฏ
ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก เมื่อเวลา 09.50 น.วันเดียวกัน หลวงปู่พุทธะอิสระพร้อมทนายความและมวลชนจากเวที กปปส.แจ้งวัฒนะกว่า 200 คนเดินทางมาศาลอาญา เพื่อยื่นคำร้องเพิกถอนหมายจับข้อหาร่วมกันเป็นกบฏ กรณีศาลอาญาออกหมายจับตนเองร่วมกับ 30 แกนนำ กปปส. จากนั้นจึงมอบหมายให้นายสิริ เจนจาคะ ทนายความยื่นไปยื่นคำร้องต่อศาล ขณะที่หลวงปู่พุทธะอิสระไม่ได้เข้ามาภายในรั้วศาลอาญา
โดยหลวงปู่พุทธะอิสระกล่าวว่า กลุ่ม กปปส.มีเสรีภาพในการชุมนุมตามรัฐธรรมนูญ รวมถึงการเคลื่อนไหวของกลุ่ม กปปส.มิใช่การล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตย และไม่ได้ทำให้ทรัพย์สินของทางราชการเสียหาย และเห็นว่ากรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ ดำเนินคดีผิดขั้นตอน ไม่มีการออกหมายเรียกแกนนำ กปปส.มาสอบสวน ทั้งที่ข้อหากบฏมีอัตราโทษสูงถึงประหารชีวิต จึงเดินทางมาเพื่อยื่นคำร้องขอความเป็นธรรมต่อศาลเพื่อให้เพิกถอนหมายจับ ซึ่งขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาล โดยกลุ่ม กปปส.จะไม่ก้าวล่วง
นอกจากนี้ หลวงปู่พุทธะอิสระกล่าวอีกว่า ในวันพรุ่งนี้จะไปยื่นคำร้องต่อสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. กรณีดีเอสไอไม่รับคดีทุจริตจำนำข้าวเป็นคดีพิเศษ และแจ้งความดำเนินคดีต่อดีเอสไอที่กองปราบปราม ข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ด้วย
ส่วนกรณีที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส.ประกาศว่าจะเข้ามอบตัวในวันที่ 27 พ.ค.นี้หากไม่ได้รับชัยชนะนั้น หลวงปู่พุทธะอิสระระบุว่า แม้เวที กปปส.ที่ทำเนียบรัฐบาลจะยุติลงหรือไม่ แต่เวทีแจ้งวัฒนะจะเคลื่อนไหวต่อเพื่อผลักดันร่างสภาชาวนาต่อไป ส่วนการย้ายเวทีเข้าไปภายในศูนย์ราชการนั้นอยู่ระหว่างการพิจารณา
ด้านนายสิระ เจนจาคะ ทนายความหลวงปู่พุทธะอิสระ เปิดเผยว่า เบื้องต้นศาลได้รับคำร้องไว้พิจารณาและจะมีคำสั่งภายในวันนี้ว่าจะเพิกถอนหมายจับหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ในวันพรุ่งนี้ฝ่ายกฎหมาย แกนนำ กปปส.จะเข้ายื่นคำร้องต่อศาลเพื่อขอเพิกถอนหมายจับเช่นกัน.