รอยเตอร์ - ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน บอกในวันอังคาร (22 ก.ค.) จะทำทุกวิถีทางเพื่อโน้มน้าวพวกแบ่งแยกดินแดนของยูเครน ให้ความร่วมมือกับคณะผู้สืบสวนที่กำลังตรวจสอบเหตุเที่ยวบิน MH17 ตกในดินแดนที่พวกเขายึดครอง แต่ขณะเดียวกันก็เตือนว่าตะวันตกต้องเพิ่มความพยายามชักนำเคียฟหยุดความเป็นปกปักษ์ให้มากกว่านี้
ปูติน ลุกขึ้นมาตอบโต้ด้วยความคิดเห็นที่ให้รายละเอียดมากที่สุดนับตั้งแต่เครื่องบินถูกยิงตกเมื่อวันพฤหัสบดีที่แล้ว (17) ด้วยปฏิเสธต่อบทบาทของรัสเซียในเหตุการณ์ต่างๆทางภาคตะวันออกของยูเครนที่ฝ่ายกบฏยึดครองอยู่ และให้คำจำกัดความจุดยืนของตะวันตกว่า “แปลกและเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้”
ผู้นำรายนี้พูดกล่าวหาสหรัฐฯ โดยอ้อมๆ ว่ากุมบังเหียนเรื่องราวต่างๆ ในเคียฟ พยายามระรานมอสโกและแทรกแซงกิจการภายในของรัสเซีย “วิธีการแบบนั้นใช้ไม่ได้ผลกับรัสเซียหรอก”
ความเห็นที่เผยแพร่ผ่านสถานีโทรทัศน์ครั้งนี้ เป็นการอ่านจากสมุดจดบันทึก ณ บริเวณที่นั่งหัวโต๊ะซึ่งขนาบข้างด้วยคณะรัฐบาล สมาชิกรัฐสภาระดับอาวุโส รวมถึงเจ้าหน้าที่ความมั่นคงและกลาโหมระดับสูง ขณะที่คำพูดของนายปูตินดูมีความหนักแน่นกว่าการให้สัมภาษณ์ผ่านโทรทัศน์สั้นๆต่อกรณีเที่ยวบิน MH17 ซึ่งเผยแพร่ในช่วงเช้าวันจันทร์ (21) ซึ่งหนนั้นเขาดูอ่อนล้าและขาดความเชื่อมั่นผิดปกติ
อย่างไรก็ตาม คราวนี้เขาไม่ได้ใส่ใจต่อคำพูดของสหรัฐฯและเหล่าผู้นำฝักใฝ่ยุโรปของยูเครนที่กล่าวหามอสโกให้การสนับสนุนอาวุธแก่ฝ่ายกบฏ ในนั้นรวมถึงระบบขีปนาวุธที่ยิงเครื่องบินของสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ส จนตก ทว่าคำสัญญาที่จะใช้อิทธิพลของรัสเซียต่อฝ่ายกบฏก็ดูจะคลุมเครือ “เราถูกร้องขอให้ใช้อิทธิพลของเรากับพวกแบ่งแยกดินแดนทางตะวันออกเฉียงใต้ของยูเครน แน่นอนเราจะทำทุกอย่างภายใต้อำนาจของเรา แต่แค่นี้มันยังไม่พอหรอก” ปูตินบอกกับเหล่าสภาความมั่นคง
คำพูดดังกล่าวถือเป็นการยอมรับที่ไม่บ่อยครั้งนักว่ารัสเซียมีอิทธิพลเหนือกบฏยูเครน แต่ขณะเดียวกันเขาก็แสดงท่าทีอย่างชัดเจนว่าวอชิงตัน ควรดำเนินการมากกว่าที่เป็นอยู่ ครอบงำทางการยูเครนให้หยุดความเป็นปรปักษ์กับพวกแบ่งแยกดินแดน “ท้ายที่สุดแล้ว พวกเขาจำเป็นต้องเรียกร้องเจ้าหน้าที่ในเคียฟให้เคารพต่อบรรทัดฐานแห่งจริยธรรมขั้นพื้นฐานและอย่างน้อยก็ควรมีการหยุดยิงช่วงเวลาสั้นๆ” ปูตินกล่าวย้ำถึงคำวิพากษ์วิจารณ์ต่อกรณีเคียฟกลับสู่ปฏิบัติการปราบปรามทางทหารทันทีหลังจากข้อตกลงหยุดยิงสิ้นสุดลง
ก่อนหน้านี้ ปูตินแค่ให้ความคิดเห็นต่อสาธารณะสั้นๆ เกี่ยวกับเหตุการณ์ซึ่งเกิดขึ้นกับเที่ยวบิน MH17 ที่คร่าชีวิตลูกเรือและผู้โดยสารยกลำทั้งหมด 298 คน ขณะที่คำพูดล่าสุดของเขานี้ บางส่วนดูเหมือนจะเป็นการตอบโต้ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ที่เรียกร้องรัสเซียเมื่อวันจันทร์ (21) ให้เปลี่ยนยุทธศาสตร์ที่กำลังใช้อยู่ และให้หันมาจริงจังกับความพยายามคลี่คลายความเป็นศัตรูภายในยูเครน
โอบามาและเหล่าผู้นำชาติตะวันตกอื่นๆ ชี้ว่านี่คือโอกาสสุดท้ายของปูตินในการยุติวิกฤตครั้งเลวร้ายสุดในความสัมพันธ์ระหว่างมอสโกกับตะวันตกนับตั้งแต่สงครามเย็น และหวังว่าเขาจะทิ้งระยะห่างจากพวกกบฏ รวมถึงตัดความช่วยเหลือใดๆ แก่พวกแบ่งแยกดินแดนในยูเครน
ในส่วนความคืบหน้าด้านอื่นๆนั้น มีรายงานว่าเหล่าผู้เชี่ยวชาญดัตช์ เตรียมการสำหรับลำเลียงศพผู้โดยสารบางส่วนของเที่ยวบิน MH17 ทางอากาศออกจากยูเครน เพื่อมุ่งสู่เนเธอร์แลนด์ หลังจากรถไฟบรรทุกศพเดินทางมาถึงเมืองคาร์คิฟ ที่รัฐบาลยูเครนควบคุมอยู่เรียบร้อยแล้ว
ศพชุดแรกจะถูกลำเลียงทางอากาศมุ่งหน้าสู่เนเธอร์แลนด์ในวันพุธ (23) ด้วยประเทศแห่งนี้มีพลเรือนที่อยู่บนเที่ยวบินดังกล่าวมากถึง 193 คนและรับหน้าที่เป็นผู้นำการสืบสวนหาต้นตอโศกนาฏกรรมครั้งนี้ อย่างไรก็ตาม คาดหมายว่าการสืบสวนจะต้องประสบปัญหายุ่งยากซับซ้อน ขณะที่นายกรัฐมนตรีมาร์ก รัตต์ของเนเธอร์แลนด์ เตือนว่าแค่เฉพาะขั้นตอนของการระบุเอกลักษณ์บุคคลก็คงต้องใช้เวลาหลายเดือนแล้ว