xs
xsm
sm
md
lg

ข่าวกรองสหรัฐฯ ชี้กบฏยูเครนอ่อนหัด พลาดลั่นไกปล่อยขีปนาวุธสอย MH17

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

(แฟ้มภาพ) ขีปนาวุธพื้นดินสู่อากาศ SA-11 ซึ่งถุกกล่าวโทษว่าเป็นต้นตอของโศกนาฏกรรมMH17
เอเอฟพี - หน่วยข่าวกรองสหรัฐฯ เผยมีความเป็นไปได้ที่เที่ยวบิน MH17 ของสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ส อาจถูกยิงตกจากความผิดพลาดของพวกกบฏนิยมรัสเซียที่ขาดการฝึกฝน พร้อมชี้มอสโกไม่มีเหตุที่ต้องรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

เจ้าหน้าที่ระดับอาวุโสรายหนึ่งของหน่วยข่าวกรองสหรัฐฯ ซึ่งไม่ประสงค์เอ่ยนามเปิดเผยในวันอังคาร (22) ว่าจากหลักฐานที่รวบรวมได้จนถึงตอนนี้ บ่งชี้ว่าพวกกบฏแบ่งแยกดินแดนในยูเครน เป็นคนยิงขีปนาวุธพื้นดินสู่อากาศ SA-11 ที่ระเบิดเครื่องบินของสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ส แต่ยังไม่ชัดเจนว่า “ใครเป็นคนลั่นไก” และทำไมถึงยิงเครื่องบินพาณิชย์

“คำอธิบายที่น่าจะมีเหตุผลมากที่สุดก็คือ มันเป็นความผิดพลาด และขีปนาวุธถูกยิงโดยกลุ่มคนที่ขาดการฝึกฝน แต่กลับมาใช้ระบบที่จำเป็นต้องมีความเชี่ยวชาญและผ่านการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี” เจ้าหน้าที่รายดังกล่าวบอก

เจ้าหน้าที่รายดังกล่าวยังยกหลายเหตุการณ์มาเปรียบเทียบกับโศกนาฏกรรม MH17 โดยในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา กองกำลังของทั้งรัสเซียและสหรัฐฯ ก็เคยยิงพลาดไปถูกเครื่องบินพลเรือนเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นกรณีเครื่องบินของสายการบินโคเรียน แอร์ไลน์ส ที่ถูกเครืองบินรบโซเวียตยิงตกในปี 1983 และกองทัพเรือสหรัฐฯ เข้าใจผิดสอยเครื่องบินพลเรือนอิหร่านร่วงในปี 1998 “เราเคยเห็นความผิดพลาดแบบนี้มาแล้วในอดีต”

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่่ข่าวกรองสหรัฐฯ ระบุด้วยว่า พบเห็นหน่วยปฏิบัติการของรัสเซียอยู่บนภาคพื้นทางตะวันออกของยูเครนด้วย แต่คณะข่าวกรองสหรัฐฯ ไม่มีข้อพิสูจน์อย่างชัดเจนว่าหน่วยปฏิบัติการรัสเซียเหล่านั้นอยู่ ณ ฐานปล่อย SA-11 ที่ยิงขีปนาวุธใส่เที่ยวบิน MH17

ดาวเทียมสหรัฐฯ และข้อมูลข่าวกรองทางเทคนิคอื่นๆ ยืนยันว่าเครื่องบินโบอิ้ง 777 ซึ่งบรรทุกผู้โดยสารและลูกเรือ 298 คน ถูกยิงร่วงโดยขีปนาวุธ SA-11 จากพื้นที่ที่หนึ่งซึ่งฝ่ายกบฏฝักใฝ่รัสเซียควบคุมอยู่

แม้ว่าสหรัฐฯ สังเกตพบการหลั่งไหลของอาวุธหนัก ในนั้นรวมถึงระบอบป้องกันภัยทางอากาศจากรัสเซียเข้าไปยังยูเครน แต่หน่วยงานด้านข่าวกรองต่างๆ ไม่พบเห็นขีปนาวุธ SA-11 ขนาดใหญ่ ถูกลำเลียงเข้าไปยังชาติอดีตสหภาพโซเวียตก่อนหน้าที่เครื่องบินของสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลนส์ ถูกยิงตกแต่อย่างใด

กองทัพรัสเซียช่วยฝึกฝนกองกำลังของฝ่ายกบฏ ณ ฐานทัพในเมืองรอสตอฟ ด้วยอาวุธที่หลากหลาย ในนั้นรวมถึงระบบป้องกันภัยทางอากาศ แต่เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ยอมรับว่าไม่มีหลักฐานอย่างชัดเจนว่ารัสเซียฝีกฝนการใช้ขีปนาวุธ SA-11 แก่พวกแบ่งแยกดินแดน

เหล่าเจ้าหน้าที่ข่าวกรองระดับอาวุโส บอกว่าที่เลือกออกมาแถลงกับผู้สื่อข่าวสั้นๆ ส่วนหนึ่งก็เพื่อตอบโต้สิ่งที่พวกเขาเรียกว่าแผนโฆษณาชวนเชื่อให้เข้าใจผิดจากฝีมือรัสเซียและสื่อมวลชนแห่งรัฐของมอสโกต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

ก่อนหน้านี้มีคำกล่าวอ้างว่าโบอิ้ง777ของสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ส มีพฤติกรรมบินหลบหลีกในอากาศ คล้ายกับการบินโฉบเฉี่ยวของเครื่องบินทหาร แต่เจ้าหน้าที่อาวุโสด้านข่าวกรองสหรัฐฯ บอกว่า “มันไม่มีเหตุผล และรายงานข่าวเหล่านั้นเสมือนกับการกล่าวโทษไปที่เหยื่อ”

มีการกล่าวอ้างว่ารัฐบาลยูเครนเป็นคนยิงเครื่องบินลำดังกล่าว แต่เจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองสหรัฐฯ บอกว่ามันไม่เป็นความจริง เนื่องจากยูเครนไม่มีระบบขีปนาวุธดังกล่าวในพื้นที่ซึ่งอยู่ภายใต้การควบคุมของฝ่ายกบฏ “หากเป็นกรณีนี้ นั่นหมายความว่าทหารรัฐบาลยูเครนจำเป็นต้องต่อสู้เปิดทางเข้าไปในพื้นที่ ยิงเข้าใส่เครื่องบินโดยสาร และจากนั้นก็ต้องยิงปะทะเพื่อเปิดทางหนีออกมา” เจ้าหน้าที่รายนี้กล่าว “มันไม่ใช่สมมุติฐานที่มีเหตุผลสำหรับผม”

การแสดงความคิดเห็นของเหล่าเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองของสหรัฐฯ มีขึ้นขณะที่กระบวนการสืบสวนหาสาเหตุโศกนาฏกรรม MH17 เพิ่มเริ่มต้นขึ้น ด้วยล่าสุดเจ้าหน้าที่มาเลเซีย ได้ส่งมอบกล่องดำ 2 กล่องที่รับมาจากฝ่ายกบฏให้แก่ทีมสืบสวนที่นำโดยเนเธอร์แลนด์แล้ว
กำลังโหลดความคิดเห็น