เอเอฟพี – ประธานาธิบดี สี่ จิ้นผิง ของจีน ยืนยันวานนี้ (28) ว่า ปักกิ่งไม่ปรารถนาที่จะสร้างความเป็นใหญ่หรือขยายแสนยานุภาพครอบงำชาติอื่นๆ ในภูมิภาค แม้รัฐบาลจะมีคำสั่งยกระดับป้องกันชายแดนเพื่อไม่ให้ต่างชาติ “หลู่เกียรติ” จีนได้เหมือนอย่างที่เป็นมาในอดีตก็ตาม
“การสร้างความเป็นใหญ่หรือขยายแสนยานุภาพไม่ได้อยู่ในสายเลือดของชาวจีน” ประธานาธิบดี สี่ จิ้นผิง กล่าวสุนทรพจน์เนื่องในโอกาสครบรอบ 60 ปีแห่งหลักปฏิบัติ 5 ประการในการอยู่ร่วมกันโดยสันติระหว่างจีน อินเดีย และเมียนมาร์ (Five Principles of Peaceful Coexistence) ณ มหาศาลาประชาชน (Great Hall of the People) กรุงปักกิ่ง โดยมีประธานาธิบดี เต็ง เส่ง แห่งเมียนมาร์, รองประธานาธิบดี โมฮัมหมัด ฮามิด อันซอรี แห่งอินเดีย, นายกรัฐมนตรี หลี่ เค่อเฉียง ตลอดจนเจ้าหน้าที่จีน นายทหารระดับสูง และนักการทูตต่างชาติ ร่วมรับฟังอยู่ด้วย
“รัฐบาลจีนไม่เคยแทรกแซงกิจการภายในของชาติอื่น หรือบีบบังคับผู้อื่นให้ทำตามความปรารถนาของเรา... จีนจะไม่แสวงหาความเป็นใหญ่ ต่อให้ชาติเรามีความเข้มแข็งเพียงใดก็ตาม”
จีน อินเดีย และ เมียนมาร์ ได้ร่วมเป็นภาคีหลักปฏิบัติ 5 ประการเพื่อการอยู่ร่วมกันโดยสันติในปี 1954 โดยรับรองว่าจะเคารพในอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของกันและกัน ตลอดจนละเว้นการกระทำอันก้าวร้าว หรือแทรกแซงกิจการภายในระหว่างกัน
อย่างไรก็ดี สิ่งผู้นำจีนกล่าวต่อเจ้าหน้าที่และผู้นำต่างชาติเมื่อวานนี้ (28) นับว่าแตกต่างโดยสิ้นเชิงจากถ้อยแถลงในการประชุมระดับชาติเมื่อวันศุกร์ (27) โดยสำนักข่าวซินหวาได้อ้างคำพูดของ สี่ ที่ย้ำเตือนให้จีนอย่าหลงลืมว่าเคยตกเป็นเหยื่อความก้าวร้าวของต่างชาติอย่างไร พร้อมสั่งยกระดับการป้องกันพรมแดนทั้งทางบกและทางทะเล
ผู้นำจีนชี้ว่า ความอ่อนแอของจีนในอดีตคือสาเหตุที่ทำให้ต่างชาติสบโอกาสข่มขู่คุกคาม
“พวกชาวต่างชาติที่ก้าวร้าวเคยล่วงละเมิดพรมแดนทางบกและทางทะเลของจีนมาหลายร้อยครั้ง ทำให้ชาติของเราดำดิ่งสู่ห้วงเหวแห่งหายนะ... ชาวจีนไม่ควรหลงลืมการถูกดูหมิ่นเกียรติ และต้องเสริมแนวป้องกันชายแดนให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น” สำนักข่าวซินหวา อ้างคำพูดของผู้นำจีน
นับตั้งแต่ก้าวสู่ตำแหน่งประธานาธิบดีของจีนอย่างเต็มตัวเมื่อเดือนมีนาคม ปี 2013 สี่ จิ้นผิง ก็ได้เน้นย้ำมาตลอดให้กองทัพจีนเสริมความเข้มแข็ง เพื่อจะเป็นฝ่าย “มีชัยในการต่อสู้”
ข้อพิพาทว่าด้วยเส้นแบ่งเขตแดนทางทะเลทำให้จีนต้องบาดหมางกับ ญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ และ เวียดนาม นอกจากนี้ ยังมีปัญหาพรมแดนทางบกที่จุดชนวนสงครามกับอินเดียในปี 1962 หรือราวๆ 8 ปีหลังจากที่มีการลงนามหลักปฏิบัติ 5 ประการ
ปักกิ่งยังกล่าวโทษ “กลุ่มหัวรุนแรงต่างชาติ” ว่าอยู่เบื้องหลังความไม่สงบในเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ ซึ่งมีพรมแดนติดกับเอเชียกลาง และพลเมืองส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิม