รอยเตอร์ส/เอเอฟพี - เกิดเหตุระเบิดตูมสนั่นที่สถานีรถไฟในเมืองเอกเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ ทางตะวันตกของจีนในวันพุธ (30 เม.ย.) ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 3 ราย และบาดเจ็บมากกว่า 70 คน เหตุการณ์นองเลือดซึ่งเกิดขึ้นให้หลังประธานาธิบดีสี จิ้นผิง พูดถึงแผนต่อสู้การก่อการร้ายระหว่างตรวจเยี่ยมเมืองแห่งนี้ไม่กี่ชั่วโมง
เขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ เป็นดินแดนมั่งคั่งด้วยทรัพยากรธรรมชาติและเป็นที่ตั้งในทางยุทธศาสตร์ เนื่องจากมีแนวชายแดนติดกับเหล่าชาติเอเชียกลาง ทว่าถูกห้อมล้อมด้วยปัญหาความไม่สงบมานานหลายปี เหตุความรุนแรงที่ทางรัฐบาลกล่าวโทษว่าเป็นฝีมือของกลุ่มนักรบอิสลามิสต์และพวกแบ่งแยกดินแดน
ซินหวา สื่อทางการจีนรายงานว่า นอกจากโจมตีด้วยระเบิดแล้วกลุ่มคนร้ายยังใช้มีดไล่แทงผู้คนบริเวณสถานีรถไฟ โดยเบื้องต้นได้มีการนำคนเจ็บบางส่วนส่งโรงพยาบาลแล้ว แต่ก็ไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติม อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่รัฐยังไม่ยืนยันว่าอะไรคือต้นตอของเหตุระเบิดดังกล่าว
หลัว ฟู่หยง โฆษกรัฐบาลเขตปกครองตนเองซินเจียง เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่กำลังประเมินตัวเลขผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ รวมถึงต้นตอของเหตุระเบิด โดยเขาไม่ขอคาดเดาว่ามันเป็นปฏิบัติการโจมตีของกลุ่มนักรบหรือไม่
“สถานการณ์อยู่ภายใต้การควบคุมแล้ว” เขาบอกกับรอยเตอร์ผ่านโทรศัพท์ “ผู้ได้รับบาดเจ็บถูกนำส่งโรงพยาบาล กองกำลังความมั่นคงเข้ามายังพื้นที่เพื่อจัดการกับสถานการณ์แล้ว เรากังวลเป็นอย่างยิ่งต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น”
อย่างไรก็ตาม มีความเป็นไปได้สูงที่เหตุระเบิดครั้งนี้จะเป็นการโจมตีของกลุ่มก่อความไม่สงบ เนื่องจากหลังเกิดเหตุไม่นาน ทางสำนักข่าวซินหวารายงานในวันพฤหัสบดี (1 พ.ค.) ว่าประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการเชิงรุกกับพวกก่อการร้าย “การต่อสู้เพื่อปราบปรามความรุนแรงและพวกก่อการร้าย มิอาจเฉื่อยชาได้แม้แต่วินาทีเดียว และควรดำเนินการเชิงรุกเพื่อกำราบช่วงเวลาออกอาละวาดของพวกก่อการร้าย”
กลุ่มสิทธิมนุษยชนบางส่วนบอกว่าต้นตอของเหตุความไม่สงบที่แท้จริงในภูมิภาคนี้คือการที่ผู้คนถูกกดขี่ข่มเหงโดยเจ้าหน้าที่ หลังจีนใช้นโยบายกวาดล้าง จำกัดสิทธิเสรีภาพ กลืนวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณี และภาษาของชาวมุสลิมอุยกูร์
ดิลซัต ราซิต โฆษกของกลุ่มหลักของมุสลิมอุยกูร์พลัดถิ่น ในเยอรมนี แสดงความกังวลว่าเหตุระเบิดอาจนำมาซึ่งปฏิบัติการปราบปรามรอบใหม่ต่อชาวอุยกูร์ในซินเจียง “มันน่ากังวลอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น สิ่งแรกที่จีนจะทำคือปราบปรามชาวอุยกูร์ และชวอุยกุร์ผู้บริสุทธิ์จำนวนมากจะถูกขัง” เขากล่าว “สิ่งที่เราจะได้เห็นต่อจากเหตุการณ์นี้ก็คือ ซินเจียง จะอยู่ในช่วงเวลาที่ยุ่งเหยิง และเหตุการณ์ลักษณะนี้สามารถเกิดขึ้นอีกเมื่อไหร่ก็ได้ มันกลายเป็นเทรนด์และมีความเกี่ยวข้องกับนโยบายต่างๆ ของปักกิ่ง”
ภาพถ่ายที่โพสต์ลงบนเว็บไซต์เวยโป๋ พบเห็นกระเป๋าสัมภาระหลายใบเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบเลือดและซากหักพังกระจัดกระจายอยู่บนพื้นบริเวณด้านหน้าของสถานี ส่วนอีกภาพพบเห็นจุดระเบิดขนาดเล็กๆ ใกล้ๆ กับป้อมตำรวจ แต่ไม่เป็นที่ชัดเจนว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ภาพเหล่านี้ก็ถูกกองเซ็นเซอร์ลบออกอย่างรวดเร็ว ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติในจีน
ซินหวารายงานว่า จุดที่เกิดระเบิดอยู่รอบๆกระเป๋าสัมภาระที่ถูกวางทิ้งไว้บนพื้นระหว่างทางออกกับป้ายรถเมล์ ทั้งนี้สถานีรถไฟกลับมาเปิดบริการตอน 21.00 น.(ตรงกับเมืองไทย 20.00 น.) หรือราว 2 ชั่วโมงหลังเกิดระเบิด ภายใต้การอารักขาอย่างหนาแน่นของตำรวจ
อุรุมชี เคยเป็นฉากแห่งจลาจลนองเลือดระหว่างเชื้อชาติในปี 2009 ด้วยมีผู้เสียชีวิตเกือบ 200 คนในเหตุปะทะระหว่างชาวมุสลิมอุยกูร์และชาวจีนฮั่น ซึ่งเป็นกลุ่มใหญ่ ก่อนที่จะค่อยๆ กลับสู่ความสงบนับตั้งแต่นั้น
ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่าประธานาธิบดีสี ยังคงอยู่ในซินเจียงหรือไม่ หลังจากเขาใช้วันสุดท้ายของโปรแกรมเดินทางเยือนดินแดนแห่งนี้เป็นเวลา 4 วัน ย้ำถึงการใช้นโยบายที่หนักหน่วงในการต่อสู้กับก่อการร้าย