เอพี - เจห์ จอห์นสัน (Jeh Johnson) รัฐมนตรีกระทรวงมาตุภูมิสหรัฐฯ (DHS) ประกาศเตือนครอบครัวผู้อพยพจากอเมริกากลางเมื่อวานนี้ (25 มิ.ย.) ว่า ไม่มีการอนุญาตให้ผู้ลี้ภัยจากอเมริกากลางสามารถอาศัยในสหรัฐฯ ได้ถูกต้องตามกฎหมายตามข่าวลือที่กระจายปากสู่ปากของผู้อพยพ หลังจากที่จอห์นสันได้เดินสำรวจศูนย์อพยพในรัฐแอริโซนาที่กักตัวเด็กจากอเมริกากลางที่เดินทางลี้ภัยความอดอยาก และอาชญากรรมจากประเทศบ้านเกิดมายังสหรัฐฯ ไม่กี่สัปดาห์ก่อนหน้านี้
แจน บริวเวอร์ (Jan Brewer) ผู้ว่าการรัฐแอริโซนา ที่วิพากษ์รัฐบาลสหรัฐฯภายใต้การบริหารของประธานาธิบดีสหรัฐฯ บารัค โอบามามาอย่างต่อเนื่องถึงนโยบายผู้อพยพของสหรัฐฯ ที่ผิดพลาด ได้ออกสำรวจศูนย์อพยพเด็กในโนกาเลส (Nogales) พร้อมกับ เจห์ จอห์นสัน (Jeh Johnson) รัฐมนตรีกระทรวงมาตุภูมิสหรัฐฯ (DHS) และประกาศว่าหน่วยงานรัฐบาลกลางไม่ทำหน้าที่ของตนเองที่จะหยุดคลื่นผู้อพยพเยาวชนผิดกฎหมายจำนวนล้นหลามเดินทางเข้าสู่สหรัฐฯ แม้แต่น้อย
“แม่..ง เอ๊ย! หน่วยงานรัฐบาลกลางมีงานที่ต้องทำเช่นกันนะ” บริวเวอร์กล่าวด้วยความโกรธ และเมื่อเธอถูกถามว่าทางรัฐแอริโซนาต้องจัดหาเครื่องอำนวยความสะดวกสำหรับปรากฏการณ์คลื่นอพยพของเด็กอเมริกากลางที่สื่อเรียกว่า “วิกฤตทางมนุษยธรรม” หรือไม่ บริวเวอร์ตอบกลับมาว่า เป็นสิ่งที่รัฐบาลกลางสหรัฐฯ ต้องสั่งการลงมา ทางรัฐแอริโซนาไม่มีหน้าที่ต้องดูแลปัญหาการอพยพเข้าเมืองผิดกฎหมาย ทั้งนี้ ผู้ว่าการรัฐแอริโซนาได้อ้างถึงคดีที่รัฐบาลสหรัฐฯ ฟ้องรัฐแอริโซนาหลังจากบริวเวอร์ได้ลงนามในกฎหมายตรวจคนเข้าเมือง SB 1070
คลื่นผู้อพยพครอบครัวชาวอเมริกากลางจำนวนมาก พร้อมกับเด็กจากอเมริกากลางอย่างน้อย 50,000 คนที่เดินทางเข้าสหรัฐฯ ทางใต้ตามลำพังด้วยตัวคนเดียวในไม่กี่เดือนที่ผ่านมาเพื่อหนีภัยความรุนแรงจากอาชญากรรมองค์กรที่ระบาดหนักในกัวเตมาลา เอลซัลวาดอร์ และฮอนดูรัส และมีชาวอเมริกากลางเป็นจำนวนมากได้ฟังข่าวลือผิดๆ ว่า หากพวกเขาเดินทางมาถึงด่านตรวจคนเข้าเมืองอเมริกาได้สำเร็จ พวกเขาจะได้รับการต้อนรับและอนุญาตให้ปักหลักในอเมริกาได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย
“ผมต้องการเน้นย้ำให้กับทุกคนที่กำลังฟังอยู่ รวมไปถึงพ่อแม่ของเด็กที่พ่อแม่ชาวอเมริกากลางอาจกำลังพิจารณาที่จะส่งบุตรหลานเดินทางจากบ้านมาสหรัฐฯ ซึ่งหนทางเต็มไปด้วยความยากลำบากและอันตราย และท้ายที่สุดไม่มีสิ่งที่เรียกว่า “ตั๋วฟรีผ่านตลอด” สำหรับบุตรหลานของพวกท่านที่มายังสหรัฐฯ” จอห์นสันกล่าว
แต่ในขณะที่จอห์นสันปฎิญาณที่จะถ่ายทอดคำพูดของเขาออกไปยังกลุ่มเป้าหมาย แต่บริวเวอร์ได้โจมตีหน่วยงานรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ว่าทำงานไม่มากพอที่จะทำให้ตัวเลขคลื่นผู้อพยพยุติลง
โดยพบว่ามีเด็กชาวอเมริกากลางร่วม 900 คนถูกกักตัวที่ศูนย์ผู้อพยพโนโกเลส รัฐแอริโซนา สำหรับตรวจโรคและคัดแยกก่อนที่จะถูกส่งต่อไปให้กับกระทรวงสุขภาพและสวัสดิการมนุษย์ของสหรัฐฯ ดูแลขณะดำเนินการเนรเทศออกนอกประเทศต่อไป โดยส่วนมากเด็กผู้อพยพจะได้พบกับครอบครัวที่อาศัยอยู่ในสหรัฐฯ ก่อนที่คดีการเข้าเมืองผิดกฎหมายจะเริ่มต้นดำเนินการ
จอห์นสันเปิดเผยว่า เด็กในศูนย์อพยพเหล่านี้ได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม “ผมขอบอกว่า ถึงแม้สถานการณ์นี้จะไม่ใช่สิ่งที่พึงปรารถนา แต่เด็กในศูนย์อพยพได้รับการดูแลที่ดีตามสภาพ” จอห์นสันกล่าว
แต่ผู้บริหารสูงสุดของกระทรวงมาตุภูมิสหรัฐฯ ได้เก็บเงียบถึงจำนวนตัวเลขของเด็กอพยพที่ส่งไปยังรัฐแอริโซนา รวมไปถึงจำนวนที่ได้ปล่อยตัวไปแล้ว และจำนวนที่ทางกระทรวงได้รายงานกลับไปให้สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองตามที่กำหนดไว้
นอกจากนี้สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองสหรัฐฯ ได้ปล่อยตัวแม่ผู้อพยพยพร้อมบุตรเป็นจำนวนมากหลังจากที่เดินทางเข้ามาในรัฐเทกซัสอย่างผิดกฎหมาย ปล่อยให้พวกผู้อพยพลงที่สถานีขนส่งรถเกรย์ฮาวที่ฟินิกซ์และทูซอน (Tucson) พร้อมกับคาดหวังว่าผู้อพยพจะรายงานตัวภายใน 15 วัน โดยสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองสหรัฐฯ ปฏิเสธที่จะเปิดเผยถึงตัวเลขจำนวนที่ตอบรับส่งรายงานกลับไปยังสำนักงานภายในระยะเวลาที่กำหนด
และพบว่าเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองประจำชายแดนสหรัฐฯ สามารถจับกุมคลื่นผู้อพยพผิดกฎหมายที่เป็นเด็กได้อย่างน้อย 52,000 คน ข้ามแดนมายังสหรัฐฯ ตามลำพังตั้งแต่เริ่มต้นปีงบประมาณใหม่ในเดือนตุลาคม 2013 ที่รวมถึงจำนวนเด็กที่ข้ามแดนลำพังในเดือนพฤษภาคมล่าสุดราว 9,000 คน
โดยผู้อพยพทั้งหมดถูกจับได้ที่ริโอแกรนด์ แวลลีย์ (Rio Grande Valley) ในรัฐเทกซัส ซึ่งศูนย์อพยพแห่งนี้ขาดแคลนอุปกรณ์และสถานที่ที่จะดำเนินการกับเด็กอพยพที่หลั่งไหลมาจากอเมริกากลาง และคลื่นผู้อพยพจำนวนมากส่งผลให้กระทรวงมาตุภูมิสหรัฐฯ ต้องกระจายผู้อพยพเด็กบางส่วนไปรัฐแอริโซนาเพื่อการคัดแยก นอกจากนี้ กระทรวงมาตุภูมิสหรัฐฯ ยังใช้ฐานทัพสหรัฐฯ ในรัฐแคลิฟอร์เนีย รัฐเทกซัส และรัฐโอกลาโฮมา เพื่อใช้เป็นศูนย์ผู้อพยพเด็กก่อนที่พวกเขาจะถูกส่งต่อไปยังครอบครัวของเด็กต่อไป
นอกจากนี้ ในสถานที่อื่น เช่น ในอาร์เทเซีย (Artesia) รัฐนิวเม็กซิโกอันเป็นที่ตั้งศูนย์ฝึกเจ้าหน้าที่ประจำพรมแดนสหรัฐฯ และในทูซอน รัฐแอริโซนา ได้ถูกใช้เป็นศูนย์พักพิงผู้อพยพเช่นกัน
ดอริส ซูยาปา เลย์บา ยูอาร์เรซ (Doris Suyapa Leyba Juarez) เป็นหนึ่งในคลื่นผู้อพยพของคนนับหมื่นคนที่หลั่งไหลเดินทางมาสหรัฐฯ จากอเมริกากลางล่าสุดเมื่อไม่นานมานี้
ในขณะที่เธอพร้อมกับลูกน้อยวัย 2 ขวบนั่งอยู่ในมุมมืดของสถานีรถเกรย์ฮาวที่ฟินิกซ์ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ดอริส ซูยาปา เลย์บา ยูอาร์เรซ คุณแม่ลูก 5 คนให้ความเห็นว่า เธอเดินทางมาสหรัฐฯ เพื่อให้โอกาสทางการศึกษากับบุตรของเธอที่เธอไม่มีในฮอนดูรัส “ดิฉันเพียงแค่ต้องการให้ลูกได้เรียนหนังสือ ดิฉันอ่านหรือเขียนไม่ได้” ดอริส ซูยาปา เลย์บา ยูอาร์เรซ กล่าว