เอเอฟพี - ประธานาธิบดี พัค กึน-ฮเย แห่งเกาหลีใต้ ประสบความล้มเหลวอย่างน่าอับอายเป็นครั้งที่ 2 ภายหลังที่เธอพยายามเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ทว่าวันนี้ (18 มิ.ย.) กลับมีกระแสเรียกร้องให้เธอถอนบุคคลที่ได้รับการเสนอชื่อเมื่อล่าสุด
การเสนอชื่อ มุน ชางกึก อดีตผู้สื่อข่าวซึ่งไม่มีประสบการณ์ด้านการเมือง ได้สร้างความประหลาดใจนับตั้งแต่ครั้งแรก และตอนนี้กำลังกลายเป็นสมรภูมิทางการเมือง สืบเนื่องจากที่ครั้งหนึ่ง มุนเคยแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับช่วงเวลาที่ญี่ปุ่นเข้ายึดครองเกาหลี
พัคประสบปัญหาในการแต่งตั้งนักการเมืองคนสำคัญเป็นจำนวนมาก และการถอนชื่อมุน จะสร้างความปั่นป่วนยิ่งขึ้นไปอีก ในเวลาที่คะแนนความนิยมของเธอถลำลงสู่จุดต่ำสุด หลังเกิดภัยพิบัติเรือเฟอร์รี “เซวอล” เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา
ทั้งนี้ มุนไม่ใช่คนแรกที่เธอเสนอชื่อให้เป็นผู้มีคุณสมบัติในการนั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรี โดยคนแรกคือ อาน ไดฮี อดีตผู้พิพากษาศาลสูงสุดซึ่งถูกบีบให้ถอนตัวเมื่อเดือนที่แล้ว ภายหลังเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์เรื่องที่เขาสามารถสร้างเม็ดเงินมหาศาล หลังก้าวลงจากบัลลังก์ผู้พิพากษาไปเปิดสำนักกฎหมายส่วนตัว
อย่างไรก็ตาม ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของเกาหลีใต้นั้นมีความสำคัญในเชิงสัญลักษณ์เป็นส่วนใหญ่ ขณะที่อำนาจที่แท้จริงทั้งหมดอยู่ในทำเนียบประธานาธิบดี
กระนั้น ตำแหน่งนี้เป็นเพียงตำแหน่งเดียวในคณะรัฐมนตรีที่ต้องผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภาโสมขาว และมุนอาจเผชิญกับการไต่สวนเพื่อยืนยันอันยากลำบาก หากเขาสามารถไปได้ไกลถึงจุดนั้น
กระแสวิพากษ์วิจารณ์ในเวลานี้เกิดขึ้นจากการที่ มุน เคยแสดงทัศนะเกี่ยวกับประเด็นทางสังคม 2 ประการที่เชื่อมโยงกัน และมีความอ่อนไหวอย่างมาก ได้แก่ การที่ญี่ปุ่นเข้ายึดครองคาบสมุทรเกาหลีในช่วงปี 1910 ถึง 1945 และการที่กองทัพญี่ปุ่นบีบบังคับสตรีท้องถิ่นให้มาเป็นทาสบำเรอกามทหารในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2
ในการบรรยายที่โบสถ์เมื่อปี 2011 มุนได้อธิบายว่า ช่วงเวลาที่ประเทศถูกยึดครองเป็น “พระประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้า” และก่อนหน้านี้เมื่อ 6 ปีก่อน เขาเคยระบุในบทบรรณาธิการว่า สนธิสัญญาปี 1965 ที่ทำร่วมกับแดนอาทิตย์อุทัยนั้นไม่มีการตกลงกันว่า ญี่ปุ่นยังต้องจ่ายค่าชดเชยแก่สตรีเกาหลีใต้ ที่ถูกบีบบังคับไปเป็นนางบำเรอในซ่องกองทัพแดนอาทิตย์อุทัย
แม้ว่า มุน จะเน้นย้ำว่า การแสดงความคิดเห็นของเขาขึ้นอยู่กับบริบท แต่ทัศนะของเขาก็จุดชนวนให้เกิดความขุ่นเคือง จนกระทั่งสมาชิกพรรค “แซนูรี” ของพัคยังแสดงความคลางแคลงสงสัยว่า เขาได้รับการเสนอชื่อให้เข้ารับตำแหน่งนี้ได้อย่างไร
พรรคแซนูรีสามารถครองที่นั่งในสภาได้ 148 จากทั้งหมด 285 ที่นั่ง ดังนั้นหากสมาชิกสภานิติบัญญัติในพรรคเพียงไม่กี่คนคัดค้านการเข้ามาดำรงตำแหน่ง มุนจะขาดเสียงส่วนใหญ่
ซู ชุงวอน สมาชิกสภาสังกัดพรรคแซนูรี ซึ่งกำลังชิงตำแหน่งผู้นำพรรควันนี้ (18) ออกมากล่าวอย่างชัดเจนว่า มุนควรถอนตัว
ซู กล่าวกับบรรดาผู้สื่อข่าวว่า “ทุกอย่างจะดีขึ้น หากผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อไม่กลายเป็นอุปสรรคของพรรค ประชาชน และรัฐบาล”
ทั้งนี้ ซู เป็นผู้สนับสนุนคนสำคัญของพัค และคนบางส่วนมองว่า การที่เขาออกมาแสดงความเห็นเช่นนี้มีนัยว่า ประธานาธิบดีต้องการให้ มุน ถอนตัว
ทั้งนี้ แต่เดิมการรับรองให้ มุน เป็นนายกรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนั้นกำหนดมีขึ้นที่รัฐสภาเกาหลีใต้เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (17) แต่ถูกเลื่อนออกไปเนื่องจากทำเนียบประธานาธิบดีระบุว่า พัคมีภารกิจรัดตัวในช่วงที่ผู้นำหญิงกำลังเดินทางเยือนภูมิภาคเอเชียกลางอยู่นี้
ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีว่างลง ภายหลังที่ ชุง ฮองวอน ตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งในเวลาที่สาธารณชนกำลังวิพากษ์วิจารณ์วิธีการที่รัฐบาลโสมขาวใช้รับมือโศกนาฏกรรมเฟอร์รีเซวอล ที่คร่าชีวิตผู้โดยสารไปเกือบ 300 ราย โดยในจำนวนนี้ส่วนใหญ่เป็นเด็กมัธยมปลาย