รอยเตอร์ - ประธานาธิบดี พัค กึน-ฮเย แห่งเกาหลีใต้วันนี้ (22 พ.ค.) แต่งตั้งให้อดีตผู้พิพากษาศาลสูงสุด ซึ่งมีชื่อเสียงด้านการต่อสู้กับคดีทุจริตคอร์รัปชัน เป็นนายกรัฐมนตรีแทนคนเก่าที่ลาออกเพื่อแสดงความรับผิดชอบ กรณีที่รัฐบาลตอบสนองต่อภัยพิบัติเฟอร์รีอับปางในเดือนที่แล้วช้าเกินไป
มิน คยุงวุก โฆษกของประธานาธิบดีพัคกล่าวว่า อาน ไดฮี จะได้รับมอบอำนาจให้ตรวจตราดูแลการปฏิรูปโครงสร้างรัฐบาล
มินกล่าวว่า “เราเชื่อว่า เขาคือบุคคลที่จะสามารถปรับโครงสร้างประเทศ ผ่านวิธีการปฏิรูประบบราชการ และรัฐบาล ตลอดจนสร้างบรรทัดฐานที่ดี เพื่อขจัดสิ่งที่ไม่ถูกไม่ควรในสังคมของเราได้เป็นอย่างดี”
นอกจากนี้ มินยังบอกด้วยว่า พัคได้ยอมรับหนังสือลาออกจากผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ และเลขาธิการใหญ่ด้านความมั่นคงแห่งชาติ ประจำทำเนียบประธานาธิบดีเกาหลีใต้
10 วันหลังจากเรือเฟอร์รี “เซวอล” พลิกคว่ำและอับปาง ระหว่างกำลังนำส่งผู้โดยสารตามปกติเมื่อวันที่ 16 เมษายนที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรี ชุง ฮองวอน ได้ยื่นใบลาออก ท่ามกลางกระแสความโกรธแค้นของประชาชน ซึ่งไม่พอใจที่รัฐบาลส่งเจ้าหน้าที่ออกกู้ภัยช้าเกินไป ขณะที่มีผู้โดยสารเสียชีวิตกว่า 300 คน โดยส่วนใหญ่เป็นนักเรียนมัธยมปลาย
พัคกล่าวว่า ในสัปดาห์นี้ เธอจะสังคายนาโครงสร้างรัฐบาล และปรับปรุงระบบรักษาความปลอดภัย เพื่อป้องกันไม่ให้ภัยพิบัติที่สามารถป้องกันได้เช่นนี้เกิดซ้ำสอง นอกจากนี้ พัคยังประกาศยุบหน่วยรักษาการณ์ชายฝั่ง เนื่องจากบกพร่องในหน้าที่
ทั้งนี้ อานเคยเป็นอัยการ ก่อนที่จะเข้ามาดำรงตำแหน่งผู้พิพากษาเมื่อปี 2006 และได้รับการยกย่องสรรเสริญ จากการไต่สวนคดีทุจริตคอร์รัปชันบรรดาคนสนิทของอดีตประธานาธิบดี และผู้ร่วมกระทำผิดคนอื่นๆ ที่เป็นคนใหญ่คนโต
บรรดาเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจได้เสนอรางวัลมูลค่าเกือบ 50,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อจับกุม ยู บยุงอัน หัวหน้าครอบครัวเจ้าของกิจการเรือเฟอร์รี “เซวอล” ที่อับปาง
เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตามไล่ล่าตัวเขาทั่วประเทศ และแจกรูปถ่ายของยู และลงประกาศจับทางอินเทอร์เน็ต ขณะที่เจ้าหน้าที่ได้บุกเข้าค้นบ้านของเขา และคริสตจักรในชนบทซึ่งเขาเป็นผู้ร่วมก่อตั้ง แต่เขาก็ยังสามารถหลบเลี่ยงการจับกุม ภายหลังเมินเฉยต่อหมายศาลที่เรียกตัวไปสืบสวน
วานนี้ (21) อัยการและตำรวจใช้เวลานานหลายชั่วโมง เพื่อออกตามหาเขาในเขตการปกครองท้องถิ่น แต่ก็ไม่พบนักโทษหลบหนีคดีผู้นี้ ที่กำลังเจ้าหน้าที่ต้องการนำตัวไปรับฟังข้อหายักยอกเงินลงทุนจากบริษัท “ชองแฮจิน มารีน” ซึ่งเป็นผู้บริหารกิจการเดินเรือเฟอร์รี โดยพนักงานสืบสวนมองว่าการยักย้ายถ่ายเทเงินทุน เป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เรือลำนี้จม จนมีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก
ในบรรดาผู้โดยสารและลูกเรือ 476 คน มี 339 คนเป็นนักเรียนและอาจารย์ของโรงเรียนมัธยมปลายซึ่งกำลังเดินทางไปทัศนศึกษา ขณะที่เจ้าหน้าที่สามารถช่วยชีวิตไว้ได้เพียง 176 คน และคาดการณ์กันว่า ผู้สูญหายทั้งหมดเสียชีวิตแล้ว
อัยการเชื่อว่า ยู และลูกชายคนโตของเขา ยู แด-คยุน ได้หลบหนีออกจากคริสตจักร และอาจกบดานอยู่ตามบ้านของสมาชิกในองค์กรศาสนา