เอเอฟพี/เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์-องค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) แถลงในวันอังคาร (27) โดยระบุ ประชาชนมากกว่า 60,000 คนต้องอพยพละทิ้งบ้านเรือนของตนจากผลพวงของการสู้รบในซูดานใต้ หลังข้อตกลงหยุดยิงระหว่างคู่ขัดแย้งทั้งสองที่ทำขึ้นเมื่อช่วง 9 พฤษภาคมที่ผ่านมา ประสบความล้มเหลว
สำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR) ระบุ นับตั้งแต่มีการทำข้อตกลงหยุดยิงเมื่อต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา มีประชาชนกว่า 46,000 คนในซูดานใต้ต้องกลายสภาพเป็นผู้ลี้ภัยภายในประเทศ ขณะที่อีกกว่า 20,000 คนต้องหนีเอาชีวิตรอดเข้าไปยังเขตแดนของประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะ เอธิโอเปีย
ขณะเดียวกัน ยอดรวมผู้อพยพหนีภัยสงครามทั้งหมดในซูดานใต้ ซึ่งเป็นประเทศเอกราชน้องใหม่แห่งล่าสุดของโลก ได้เพิ่มขึ้นเป็นมากกว่า 1 ล้านคนแล้ว นับตั้งแต่เกิดการสู้รบภายในประเทศเมื่อช่วงกลางเดือนธันวาคมปีที่แล้ว
เอเดรียน เอ็ดเวิร์ดส์ โฆษกยูเอ็นเอชซีอาร์เผยต่อผู้สื่อข่าวที่นครเจนีวาของสวิตเซอร์แลนด์โดยเตือนว่า ชาวซูดานใต้จำนวน 4 ล้านคน หรือคิดเป็น 1 ใน 3 ของประชากรทั้งประเทศ กำลังตกอยู่ในภาวะสุ่มเสี่ยงต่อภาวะขาดแคลนอาหารขั้นรุนแรง
ทั้งนี้ ซูดานใต้ซึ่งกลายเป็นเอกราชหลังแยกตัวจากซูดานเมื่อ 3 ปีก่อน กลายสภาพเป็นดินแดนแห่งความขัดแย้งหลังเกิดการสู้รบระหว่างรัฐบาลภายใต้การนำของประธานาธิบดีซัลวา คิอีร์ที่เป็นพวกชนเผ่าดิงกา กับกองกำลังฝ่ายกบฏที่นำโดยอดีตรองประธานาธิบดีรีค มาชาร์ที่เป็นพวกชนเผ่านูเอร์
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ที่ประชุมของกลุ่มประเทศผู้บริจาค ณ กรุงออสโลของนอร์เวย์ มีการประกาศระดมเงินช่วยเหลือมากกว่า 600 ล้านดอลลาร์เพื่อช่วยเหลือซูดานใต้ รวมถึงประเทศเพื่อนบ้าน ที่ต้องแบกรับภาระในการดูแลผู้อพยพจากซูดานใต้