รัฐบาล-กบฏในซูดานใต้ลงนามข้อตกลงหยุดยิง สหรัฐฯร่วมยินดี พร้อมวอนคู่พิพาทยึดสันติวิธีแก้ปัญหา

เอพี/เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - รัฐบาลซูดานใต้และฝ่ายกบฏลงนามในข้อตกลงหยุดยิงในวันพฤหัสบดี (23) โดยผู้นำทั้งสองฝ่ายหวังให้ข้อตกลงดังกล่าวเป็น “ความหวัง” ในการยุติช่วงเวลา 5 สัปดาห์แห่งการสู้รบนองเลือด ที่ทำให้มีทหารและพลเรือนถูกสังหารไปนับหมื่นคน

ข้อตกลงหยุดยิงดังกล่าวถือเป็นความก้าวหน้าสำคัญครั้งแรก นับตั้งแต่ความขัดแย้งทางการเมืองในซูดานใต้ได้แปรเปลี่ยนเป็นความรุนแรงเมื่อ 15 ธันวาคมปีที่แล้ว ก่อนขยายตัวลุกลามกลายเป็นการสู้รบระหว่างฝ่ายรัฐบาลและกบฏในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ แม้จนถึงขณะนี้จะไม่มีหลักประกันใดๆ ว่าฝ่ายที่เป็นคู่ขัดแย้งในซูดานใต้จะเคารพข้อตกลงหยุดยิงนี้ได้ยาวนานเพียงใด

พ.อ.ฟิลิป อากูเอร์ โฆษกกองทัพซูดานใต้ออกโรงเตือนว่า แม้จะมีข้อตกลงหยุดยิง แต่ดูเหมือนกลุ่มกบฏชนเผ่านูเอร์ที่ภักดีต่ออดีตรองประธานาธิบดีรีค มาชาร์ อาจไม่ต้องการสันติภาพที่แท้จริงและอาจฉีกข้อตกลงดังกล่าวได้ทุกเมื่อ เพื่อจับอาวุธต่อสู้แย่งชิงอำนาจทางการเมืองให้กับผู้นำของตน โดยมีชีวิตของพลเรือนผู้บริสุทธิ์และสันติภาพของซูดานใต้เป็นตัวประกัน

ด้านเอ็นเฮล เดง เอ็นเฮล หัวหน้าทีมเจรจาสันติภาพซูดานใต้ออกมายอมรับว่า แม้แกนนำของฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายกบฏจะให้ความเห็นชอบต่อข้อตกลงหยุดยิง แต่การที่นักรบของฝ่ายกบฏจำนวนมากเป็นชาวบ้านธรรมดา ที่จับอาวุธขึ้นต่อสู้กับรัฐบาล อาจทำให้เป็นการยากที่กองกำลังประชาชนเหล่านี้จะยอมปฏิบัติตาม เพราะพวกเขาไม่ได้ถูกควบคุมด้วย “วินัยทหาร” เหมือนกับฝ่ายกองทัพ

ขณะที่การเจรจารอบใหม่ระหว่างแกนนำทั้งสองฝ่ายจะกลับมาเริ่มต้นอีกครั้งในต้นเดือนกุมภาพันธ์ โดยเป็นที่คาดกันว่าฝ่ายกบฏที่นำโดยอดีตรองประธานาธิบดีรีค มาชาร์ จะยื่นข้อเรียกร้องให้รัฐบาลภายใต้การนำของประธานาธิบดีซัลวา คิอีร์ ปล่อยตัวนักการเมือง 11 คนที่หนุนหลังฝ่ายกบฏ

อย่างไรก็ดี ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ผู้นำสหรัฐฯ ได้กล่าวในวันพฤหัสบดี (23) แสดงความยินดีต่อข้อตกลงหยุดยิงในซูดานใต้ พร้อมเรียกร้องให้ฝ่ายรัฐบาลและกบฏในซูดานใต้เร่งแก้ปัญหาในสิ่งที่เป็นต้นเหตุของความขัดแย้งนี้โดยยึดมั่นในแนวทางสันติวิธี พร้อมทั้งขอให้มีการปล่อยตัวนักโทษทางการเมืองโดยเร็ว

ขณะที่เจย์ คาร์นีย์ โฆษกทำเนียบขาวแถลงว่า ข้อตกลงหยุดยิงนี้ถือเป็นเพียง “ก้าวแรก” ของการยุติความรุนแรง และการสร้างสันติภาพที่ยั่งยืนในซูดานใต้ พร้อมย้ำจุดยืนของสหรัฐฯที่ต้องการเห็นซูดานใต้เป็นประชาธิปไตย และมีความเป็นเอกภาพ

ด้านคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ และสำนักงานเลขาธิการยูเอ็นออกคำแถลงที่มีเนื้อหาเรียกร้องให้ทุกฝ่ายในซูดานใต้เคารพและปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงในทันที และขอให้คู่ขัดแย้งทั้งสองฝ่าย ช่วยอำนวยความสะดวกในการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ด้านสิทธิมนุษยชนของนานาชาติ และองค์กรบรรเทาทุกข์ต่างๆ

ทั้งนี้ ความขัดแย้งในซูดานใต้ระลอกล่าสุดส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตไปแล้วราว 10,000 คน ขณะที่อีกกว่า 76,000 คนต้องเข้าไปลี้ภัยในศูนย์ผู้อพยพกว่า 8 แห่งทั่วประเทศที่มีสหประชาชาติดูแล โดยต้นเหตุของความขัดแย้งมาจากความไม่ลงรอยกันระหว่างประธานาธิบดีคิอีร์ที่มาจากชนเผ่า “ดิงกา” กับอดีตรองประธานาธิบดีมาชาร์จากเผ่า “นูเอร์” ที่ถูกสั่งปลด

โดยความขัดแย้งของบุคคลทั้งสองได้ลุกลามกลายเป็นสงครามระหว่างชนเผ่าทั้งสอง และยังก่อให้เกิดการแตกแยก-สู้รบกันเองระหว่างทหารในกองทัพซูดานใต้ด้วยกัน จนส่งผลให้ซูดานใต้ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นประเทศเอกราชแห่งล่าสุดของโลกหลังแยกตัวจากซูดานเมื่อปี 2011 ต้องเผชิญกับสงครามกลางเมืองครั้งเลวร้าย