เอพี/เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์-สหประชาชาติเผยเหตุรุนแรงทางการเมืองและเชื้อชาติที่เกิดขึ้นในซูดานใต้ ตั้งแต่กลางเดือนธันวาคมปีที่แล้ว ส่งผลให้พลเรือนหลายพันคนถูกฆ่าอย่างทารุณ และพบการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างกว้างขวาง
แอร์เว ลาดซูส์ นักการทูตชาวฝรั่งเศส ในฐานะรองเลขาธิการใหญ่สหประชาชาติด้านปฏิบัติการรักษาสันติภาพ ออกมาเปิดเผยในวันอังคาร (18) โดยระบุว่า การเข่นฆ่าและการละเมิดสิทธิมนุษยชนในซูดานใต้ ยังคงเกิดขึ้นอย่างกว้างขวางและต่อเนื่อง แม้จะมีข้อตกลงหยุดยิงเมื่อ 23 มกราคม แต่ข้อตกลงดังกล่าวล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงในการยุติการสู้รบระหว่างกองกำลังที่ภักดีต่อประธานาธิบดีซัลวา คิอีร์จากชนเผ่า “ดิงกา” กับนักรบฝ่ายกบฏที่ภักดีต่ออดีตรองประธานาธิบดีรีค มาชาร์ จากชนเผ่า “นูเอร์”
การสู้รบระหว่างกองกำลังของคู่ขัดแย้งทางการเมืองทั้งสองฝ่ายได้ปะทุขึ้นในกรุงจูบา เมืองหลวงของประเทศ ตั้งแต่วันที่ 15 ธันวาคม ก่อนจะลุกลามไปยังพื้นที่ต่างๆทั่วประเทศ ส่งผลให้ประเทศเอกราชเกิดใหม่ที่อุดมไปด้วยทรัพยากรน้ำมันแห่งนี้เผชิญกับภาวะแตกแยกรุนแรงที่สุด นับแต่การแยกตัวออกจากซูดาน
ลาดซูส์เผยว่า ขณะนี้ สหประชาชาติต้องดูแลพลเรือนซูดานใต้มากกว่า 75,000 คน จากจำนวนผู้อพยพหนีภัยการสู้รบภายในประเทศที่คาดว่าจะมีสูงถึง 800,000 คน ท่ามกลางรายงานข่าวที่ระบุว่า มีเจ้าหน้าที่หลายระดับของรัฐบาลซูดานใต้กระทำการข่มขู่คุกคามการปฏิบัติภารกิจเพื่อสันติภาพของยูเอ็น จนทางสหประชาชาติต้องยอมพิจารณาปรับลดจำนวนเจ้าหน้าที่และกิจกรรมต่างๆในซูดานใต้ลง ด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย
ล่าสุด มีรายงานว่า บัน กี-มุน เลขาธิการใหญ่ยูเอ็นชาวเกาหลีใต้ เตรียมสั่งเพิ่มจำนวนทหารรักษาสันติภาพในซูดานใต้เป็นมากกว่า 12,500 นายเพื่อปกป้องพลเรือนจากความขัดแย้งทางการเมือง และการสู้รบในพื้นที่ต่างๆของประเทศ