เอเอฟพี - องค์การคุ้มครองสิทธิมนุษยชน “ฮิวแมน ไรต์ส วอตช์” (เอชอาร์ดับเบิลยู) ระบุวันนี้ (13 พ.ค.) พบหลักฐานที่ชี้ชัดว่า รัฐบาลซีเรียใช้แก๊สคลอรีนโจมตีพื้นที่ 3 จังหวัดเมื่อกลางเดือนเมษายน ซึ่งถือเป็นการละเมิดอนุสัญญาว่าด้วยการห้ามใช้อาวุธเคมี ที่ประเทศนี้ร่วมลงนามเมื่อปีที่แล้ว
องค์การเฝ้าระวังซึ่งมีสำนักงานใหญ่ในนครนิวยอร์กแห่งนี้ รายงานโดยอ้างข้อมูลจากการสัมภาษณ์ผู้เห็นเหตุการณ์ และเหล่าเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ตลอดจนวิดีโอบันทึกภาพเหตุจู่โจม และรูปถ่ายเศษระเบิดถังน้ำมัน
เอชอาร์ดับเบิลยู ระบุว่า “หลักฐานชี้ชัดว่า เฮลิคอปเตอร์ของรัฐบาลซีเรียหย่อนระเบิดถังน้ำมันที่ภายในบรรจุถังแก๊สคลอรีนลงไปใน 3 จังหวัดทางเหนือของซีเรียเมื่อช่วงกลางเดือนเมษายน ปี 2014”
องค์การนี้ระบุในรายงานว่า บรรดาแพทย์ที่ให้การรักษาเหยื่อเหล่านี้ กล่าวว่า มีผู้เสียชีวิตในเหตุโจมตีอย่างน้อย 11 ราย และพบว่าผู้ป่วยเกือบ 500 คน “มีอาการเหมือนได้รับสารคลอรีน”
เอชอาร์ดับเบิลยูได้ใช้เอกสารยืนยันการก่อเหตุจู่โจมในเมืองคาฟร์ ซีตา ซึ่งตั้งอยู่ตอนกลางของจังหวัดฮอมส์ เมื่อวันที่ 11 และ 18 เมษายน ตลอดจนที่เมืองอัล-เตมานา ในจังหวัดอิดลิบ เมื่อวันที่ 13 และ 18 เมษายน และล่าสุดที่เมืองเตลมันส์ ในจังหวัดอิดลิบ เมื่อวันที่ 21 เมษายน
ทั้ง 3 จังหวัดเป็นพื้นที่ซึ่งอยู่ภายใต้การควบคุมของกบฏ
แหล่งข่าวฝ่ายกบฏอ้างว่า รัฐบาลซีเรียใช้แก๊สคลอรีนในปฏิบัติการโจมตีมาแล้วหลายครั้ง และสถานีโทรทัศน์ของทางการซีเรียก็ยอมรับว่า มีการใช้แก๊สคลอรีนที่เมืองคาฟร์ ซีตาจริง แต่กล่าวโทษว่าเป็นฝีมือของกลุ่มนักรบญิฮัด “แนวหน้าอัล-นุสรา”
อย่างไรก็ตาม บรรดานักเคลื่อนไหวฝ่ายต่อต้านกล่าวว่า คลอรีนเหล่านี้มาพร้อมกับระเบิดถังน้ำมันที่ทิ้งลงมาจากเฮลิคอปเตอร์ และก็มีแต่รัฐบาลเท่านั้นที่เป็นเจ้าของยานพาหนะประเภทนี้
เอชอาร์ดับเบิลยู กล่าวว่า วิดีโอบันทึกภาพซากระเบิดถังน้ำมันในพื้นที่โจมตี เผยให้เห็นถังที่มีรหัส CL2 กำกับ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของแก๊สคลอรีน
องค์การนี้ยอมรับว่า ยังไม่สามารถ “ยืนยันด้วยตนเอง” ได้ว่าถังแก๊สคลอรีนที่เก็บภาพไว้ได้นั้นบรรจุอยู่ในถังระเบิดน้ำมันที่ถูกทิ้งลงมาจากเฮลิคอปเตอร์
อย่างไรก็ดี ฮิวแมน ไรต์ส วอตช์ ชี้ว่า ไม่น่าเป็นไปได้ที่จะมีการจัดฉากในวิดีโอคลิป หรือมีคนนำแก๊สคลอรีนไปใส่ในถังระเบิดน้ำมันทีหลัง เนื่องจากรายงานของแพทย์และพยานชี้ว่า ผู้ป่วยมีอาการ “คล้ายสัมผัสสารคลอรีน”
นาดิม ฮูรี รองผู้อำนวยการองค์การ ฮิวแมน ไรต์ส วอตช์ ประจำภูมิภาคตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือ กล่าวว่า “เป็นที่ชัดเจนว่า รัฐบาลซีเรียละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศด้วยการใช้แก๊สคลอรีนเป็นอาวุธ โดยยังไม่รวมถึงกรณีการตั้งเป้าโจมตีพลเรือน”
“เหตุการณ์นี้เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติควรร้องเรียนสถานการณ์ในซีเรีย ต่อศาลอาญาระหว่างประเทศ”
เมื่อปีที่แล้ว ซีเรียได้เข้าร่วมเป็นภาคีอนุสัญญาว่าด้วยการห้ามใช้อาวุธเคมี โดยถือเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงส่งมอบคลังแสงอาวุธเคมีให้นานาชาติทำลาย หลังระบอบปกครองซีเรียถูกกล่าวหาว่า ใช้แก๊สซารินสังหารประชาชนแถบชานกรุงดามัสกัส
ทั้งนี้ การครอบครองคลอรีนไม่ถือเป็นการละเมิดอนุสัญญาฉบับนี้ แต่อนุสัญญาห้ามให้ใช้แก๊สเป็นอาวุธ
เมื่อเดือนที่แล้ว องค์การเพื่อการห้ามใช้อาวุธเคมี (โอพีซีดับเบิลยู) กล่าวว่า จะตรวจสอบเหตุจู่โจมที่เกิดขึ้น และได้ส่งคณะทำงานเข้าไปสืบสวนในพื้นที่เกิดเหตุที่ซีเรียแล้ว