เอเอฟพี - ซีเรียพลาดเส้นตายส่งมอบอาวุธเคมีในวันอาทิตย์ (27) ขณะที่ยังคงครอบครองสสารที่เป็นอาวุธเคมีราว 8 เปอร์เซ็นต์ จากปริมาณทั้งหมดที่มีการเปิดเผยกับนานาชาติ ทั้งนี้เป็นคำระบุของหน่วยเฉพาะกิจที่รับผิดชอบปฏิบัติการนี้
ซีกริด คาก หัวหน้าคณะทำงานร่วมระหว่างองค์การเพื่อการห้ามใช้อาวุธนิวเคลียร์ (โอพีซีดับเบิลยู) กับองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ซึ่งรับหน้าที่ตรวจตราควบคุมการทำลายคลังแสงอาวุธเคมีกล่าวว่า สสารที่เป็นอาวุธเคมีซีเรีย “7.5 ถึง 8 เปอร์เซ็นต์ยังคงถูกเก็บไว้ ณ สถานที่เฉพาะในซีเรีย”
เธอชี้ว่า “อย่างไรก็ตาม การที่สามารถเคลื่อนย้ายหรือทำลายสสารที่เป็นอาวุธเคมีไปแล้ว 92.5 เปอร์เซ็นต์ นั้นถือเป็นความก้าวหน้าอย่างมาก ... แต่กระนั้น เราก็ยังต้องมั่นใจได้ว่าสสารอาวุธเคมีที่เหลืออีก 7.5 ถึง 8.0 เปอร์เซ็นต์จะถูกส่งไปทำลายเช่นเดียวกัน”
เธอกล่าวว่า สสารที่เป็นอาวุธเคมี 6.5 เปอร์เซ็นต์จากจำนวนดังกล่าวจะถูกเคลื่อนย้ายออกจากซีเรีย
ในการกล่าวที่งานแถลงข่าว ณ กรุงดามัสกัส ของซีเรีย คากได้ยกย่องรัฐบาลซีเรียที่ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ในเวลาที่ประเทศนี้ต้องคอยควบคุมสถานการณ์ความมั่นคง
ตามข้อตกลงที่สหรัฐฯ และรัสเซียเจรจากันเมื่อปีที่แล้ว ซีเรียได้ลงนามอนุสัญญาว่าด้วยอาวุธเคมี และยินยอมที่ส่งอาวุธเคมีทั้งหมดในคลังแสงเพื่อนำไปทำลายภายในวันที่ 30 มิถุนายน ของปีนี้
คากกล่าวว่า เธอ “คาดหวังอย่างยิ่ง” ว่าจะสามารถส่งอาวุธทั้งหมดได้ทันกำหนดเส้นตายสุดท้าย แม้ว่าซีเรียจะยังไม่สามารถนำสสารที่เป็นอาวุธเคมีทั้งหมดออกจากประเทศ หรือทำลายได้ทันเส้นตายที่กำหนดไว้วันนี้ (27) ก็ตาม
นอกจากการทำลายสสารอาวุธเคมีที่ยังหลงเหลืออยู่แล้ว ซีเรียจะต้องสั่งปิดหรือทำลายโรงเก็บและโรงผลิตอาวุธเคมีอีกด้วย
ทั้งนี้ ยังเกิดข้อถกเถียงกันว่า ดามัสกัสจะยินยอมทำลายสถานที่ผลิตอาวุธเคมีที่ยังหลงเหลือ 12 แห่งหรือไม่
ซีเรียต้องการสั่งปิดโรงผลิตอาวุธ ซึ่งประเทศนี้กล่าวว่าถูกแปรสภาพให้ใช้การไม่ได้แล้ว แต่บรรดาชาติตะวันตกต้องการให้ซีเรียทำลายโรงผลิตให้สิ้นซาก เนื่องจากหวั่นวิตกว่าอาจถูกนำไปใช้ผลิตอาวุธในอนาคต
เมื่อปีที่แล้ว รัฐบาลซีเรียได้ตกลงยอมส่งมอบอาวุธเคมีไปทำลาย ในเวลาที่สหรัฐฯ ขู่จะใช้ปฏิบัติการทางทหารตอบโต้รัฐบาลดามัสกัส ซึ่งถูกกล่าวหาว่าใช้อาวุธเคมีสังหารประชาชนราว 1,400 ชีวิต
บรรดานักเคลื่อนไหวและประชาคมนานาชาติต่างกล่าวโทษว่า เหตุสังหารหมู่ครั้งนั้นเป็นฝีมือของระบอบปกครองประธานาธิบดี บาชาร์ อัล-อัสซาด แห่งซีเรีย แม้ว่ารัฐบาลจะอออกมาปฏิเสธว่าไม่มีส่วนรับผิดชอบก็ตาม
ดามัสกัสได้พลาดกำหนดเส้นตายก่อนเส้นตายครั้งสุดท้ายในวันที่ 30 มิถุนายน ไปแล้วหลายครั้ง โดยอ้างว่าสาเหตุของความล่าช้ามากจากปัญหาสถานการณ์ความมั่นคงภายในประเทศ
ซีเรียเปิดเผยกับนานาชาติว่า มีอาวุธเคมีที่มีอันตรายร้ายแรงที่สุด 700 ตัน และสารเคมีตั้งต้นสำหรับผลิตอาวุธที่อันตรายรองลงมาอีก 500 ตัน
นอกจากนี้ ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ยังเกิดความคลางแคลงสงสัยว่ามีการใช้แก๊สคลอรีนโจมตีประชาชน
ระบอบปกครองซีเรียโทษว่า เหตุโจมตีด้วยอาวุธเคมีที่เมืองคาฟร์ ซีตา ซึ่งกลุ่มกบฏยึดครอง เป็นฝีมือของกลุ่มนักรบญิฮัด “แนวหน้าอัล - นุสรา ทว่ากบฏกลุ่มนี้ออกมาบอกปัด พร้อมชี้ว่าเป็นฝีมือของรัฐบาลดามัสกัส
การกล่าวหากันและกันเช่นนี้ทำให้องค์การสหประชาชาติเกิดความวิตกกังวล โดยสมาชิกบางส่วนในคณะมนตรีความมั่นคงของยูเอ็นได้ออกมาเรียกร้องให้มีการตรวจสอบข้อกล่าวหาเหล่านี้
