รอยเตอร์ - เกาหลีเหนือในวันนี้ (30 มี.ค.) ออกมาประกาศว่าจะทำการ “ทดสอบนิวเคลียร์รูปแบบใหม่” ซึ่งนับเป็นการใช้วาจาขู่คุกคามรุนแรงยิ่งขึ้น หลังสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติกล่าวประณามการทดสอบยิงขีปนาวุธระลอกล่าสุดของโสมแดง
กระทรวงการต่างประเทศของเกาหลีเหนือเผยแพร่คำแถลงผ่านสำนักข่าวกลางเกาหลี (เคซีเอ็นเอ) ว่า “การที่คณะมนตรีความมั่นคงของยูเอ็นทำเป็นเอาหูไปนาเอาตาไปไร่เรื่องที่สหรัฐฯ ใช้นิวเคลียร์ซ้อมรบอย่างบ้าระห่ำ แต่กลับหันมาประณามการซ้อมยิงจรวดป้องกันประเทศของกองทัพประชาชนเกาหลี (เคพีเอ) ว่าเป็นการ 'ฝ่าฝืนมติ' และเป็น 'ภัยคุกคามต่อสันติภาพและความมั่นคงของนานาชาติ' นั้นเป็นสิ่งที่เกินจะทนจริงๆ”
คำแถลงระบุว่า ในการซ้อมรบของเคพีเอเพื่อต่อต้านสหรัฐฯ นั้นจะมี “การป้องปรามนิวเคลียร์หลากหลายรูปแบบมากขึ้น” ซึ่งจะนำมาใช้โจมตีเป้าหมายทั้งในระยะกลางและระยะไกล “ด้วยอำนาจจู่โจมที่แตกต่างกัน”
“เราจะไม่ยกเลิกการทดสอบนิวเคลียร์รูปแบบใหม่เพื่อพัฒนาขีดความสามารถในการป้องปรามนิวเคลียร์ของเรา” คำแถลงของเกาหลีเหนือระบุ โดยไม่ได้ให้รายละเอียดมากไปกว่านี้
ภายหลังที่เปียงยางยิงขีปนาวุธ “โรดอง” พิสัยกลางไปตกในทะเล นอกชายฝั่งด้านทิศตะวันออกของคาบสมุทรเกาหลีเมื่อวันพุธ (26) คณะมนตรีความมั่นคงซึ่งประกอบด้วย 15 ชาติได้ออกมาประณามการทดสอบว่าเป็นการฝ่าฝืนมติของยูเอ็นเมื่อวันพฤหัสบดี (27)
การยิงขีปนาวุธพิสัยกลางครั้งแรกในรอบ 4 ปีของเกาหลีเหนือ ซึ่งสามารถโจมตีได้ไกลถึงญี่ปุ่น มีขึ้นภายหลังที่โสมแดงยิงทดสอบยิงจรวดพิสัยใกล้ไปแล้วหลายระลอก ในช่วงเวลา 2 เดือนที่ผ่านมา
เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2013 เกาหลีเหนือได้ต่อต้านมติของยูเอ็นด้วยการทดสอบนิวเคลียร์ครั้งที่สาม ทั้งยังประกาศว่าได้เสริมสร้างคลังแสงอาวุธนิวเคลียร์
อย่างไรก็ตาม เป็นที่คาดการณ์กันอย่างกว้างขวางว่า ระบบนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือยังไม่มีขีดความสามารถพอที่จะโจมตีได้ไกลถึงแผ่นดินสหรัฐฯ