รอยเตอร์ - เจ้าหน้าที่สาธารณสุขสหรัฐฯ ยืนยันพบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ตะวันออกกลาง (MERS) รายที่ 2 ของประเทศ โดยผู้ป่วยนอนพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในเมืองออร์แลนโด รัฐฟลอริดา
ผู้ป่วยรายนี้เป็นเจ้าหน้าที่สาธารณสุขวัย 44 ปี ที่อาศัยและทำงานอยู่ในซาอุดีอาระเบีย และเดินทางมาสหรัฐฯเพื่อเยี่ยมญาติ เขาเริ่มป่วยหนักและถูกส่งตัวไปยังโรงพยาบาล ดร.พี ฟิลลิปส์ ในเมืองออร์แลนโด เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคมที่ผ่านมา
กรณีดังกล่าวถือเป็นการ “นำเข้า” ผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ตะวันออกกลางรายที่ 2 มาสู่แผ่นดินสหรัฐฯ หลังมีการพบผู้ป่วยรายแรกที่รัฐอินเดียนาเมื่อเดือนที่แล้ว จุดกระแสความหวาดกลัวการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสซึ่งยังไม่มีทางรักษา และคร่าชีวิตผู้ติดเชื้อไปแล้วถึง 1 ใน 3
ดร.แอนน์ ชูแชต ผู้อำนวยการศูนย์ภูมิคุ้มกันและโรคทางเดินหายใจแห่งชาติ ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐฯ (CDC) ยืนยันว่า ผู้ป่วยที่พบทั้ง 2 รายไม่มีความเกี่ยวข้องกัน
ผู้ป่วยรายล่าสุดเดินทางจากเมืองเจดดาห์ไปยังกรุงลอนดอนเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม ด้วยเครื่องบินซาอุดีแอร์ไลน์ส เที่ยวบิน 113 จากนั้นจึงเปลี่ยนเครื่องที่สนามบินนานาชาติฮีตโธรว์เพื่อเดินทางต่อมายังเมืองบอสตัน รัฐแมสซาชูเซตส์ หลังจากนั้นเขาได้ขึ้นเครื่องต่อไปยังเมืองแอตแลนตา และออร์แลนโดตามลำดับ
ซีดีซี ไม่ได้เปิดเผยหมายเลขเที่ยวบินในสหรัฐฯ ที่ผู้ป่วยรายนี้เดินทางมา
ดร.ชูแชต ระบุว่า ชายคนนี้เริ่มรู้สึกไม่สบายตั้งแต่อยู่บนเครื่องบินจากเมืองเจดดาห์ แต่เพิ่งป่วยหนักจนเข้าโรงพยาบาลเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว (9) และ ซีดีซี ได้ยืนยันการติดเชื้อ MERS เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม
ซีดีซี ไม่มั่นใจว่าชายคนนี้อยู่ในระยะแพร่เชื้อระหว่างที่โดยสารเครื่องบินมาหรือไม่ แต่ได้แจ้งเตือนไปยังผู้โดยสารและลูกเรือราว 500 คนที่เดินทางด้วยเที่ยวบินในสหรัฐฯลำเดียวกับเขาแล้ว
โรงพยาบาลในเมืองออร์แลนโดซึ่งตั้งอยู่ใกล้สวนสนุกดิสนีย์แลนด์ได้ติดตามสุขภาพของเจ้าหน้าที่ทุกรายที่ให้การดูแลผู้ป่วยรายนี้ ล่าสุดมีเจ้าหน้าที่ถูกสั่งเก็บตัวอยู่ภายในบ้านแล้วทั้งสิ้น 16 คน
ไวรัส MERS ซึ่งทำให้ผู้ป่วยมีอาการไอ, ไข้สูง และบางครั้งก็ปอดบวมอย่างรุนแรง ถือเป็นไวรัสโคโรนาในตระกูลเดียวกับโรคซาร์ส (SARS) ที่แพร่ระบาดเป็นครั้งแรกในจีนเมื่อปี 2002 และทำให้มีผู้เสียชีวิตทั่วโลกราวๆ 800 คน
ไวรัส MERS ถูกพบครั้งแรกเมื่อเดือนกันยายน ปี 2012 และแพร่กระจายจนมีผู้ติดเชื้อเกือบ 500 คนในซาอุดีอาระเบีย และยังพบผู้ติดเชื้อบ้างประปรายในประเทศตะวันออกกลางอื่นๆ รวมถึงยุโรปและเอเชีย
