เอพี/เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์-ข้อมูลทางการแพทย์ล่าสุดที่มีการเผยแพร่ในวันเสาร์ (10) ยืนยัน จำนวนผู้ติดเชื้อ “ซิฟิลิส” ในสหรัฐอเมริกาเพิ่มขึ้นอย่างน่าตกใจ จนทำสถิติสูงสุดนับตั้งแต่ปี ค.ศ. 1995 ผู้เชี่ยวชาญชี้ สาเหตุเพราะชาวอเมริกัน “สำส่อนทางเพศ” มากขึ้น
ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติของสหรัฐฯ (ซีดีซี) เผยแพร่รายงานล่าสุดที่สำนักงานใหญ่ของตนในเมืองแอตแลนตา มลรัฐจอร์เจียในวันเสาร์ (10) โดยระบุ ในปี 2013 ที่ผ่านมา จำนวนผู้ติดเชื้อ “ซิฟิลิส” ซึ่งเป็นหนึ่งในเชื้อโรคที่มีการติดต่อทางเพศสัมพันธ์ในสหรัฐฯได้เพิ่มจำนวนขึ้นอย่างน่าตกใจเป็น “เกือบ 17,000 คน” ซึ่งถือเป็นตัวเลขผู้ติดเชื้อซิฟิลิสที่สูงที่สุดในเมืองลุงแซมนับตั้งแต่ปี 1995 เป็นต้นมา
ดร.ธอมัส อาร์. ฟรีเดน ผู้อำนวยการใหญ่ของซีดีซีระบุว่า สาเหตุสำคัญที่ส่งผลให้จำนวนผู้ติดเชื้อซิฟิลิสเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็วในสหรัฐฯในปีที่ผ่านมานั้นเป็นเพราะ “พฤติกรรมสุดเสี่ยงในเรื่องเพศ” ทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็น ความนิยมในการเปลี่ยนคู่นอนบ่อยครั้งและการมีเพศสัมพันธ์ชั่วข้ามคืนแบบไม่ผูกมัดระหว่างชาย-หญิง รวมถึง พฤติกรรมทางเพศของกลุ่ม “ชายรักชาย”
ผู้อำนวยการซีดีซีเผยด้วยว่า ตัวเลขผู้ติดเชื้อซิฟิลิสในสหรัฐฯที่สูงถึงเกือบ 17,000 รายในปีที่ผ่านมา ยังส่งผลให้สหรัฐฯกลายเป็นหนึ่งในประเทศที่มีผู้ติดเชื้อซิฟิลิส “สูงที่สุด” ในกลุ่มประเทศที่ “พัฒนาแล้ว” ทั้งๆที่ในความเป็นจริงแล้วกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ของผู้ติดเชื้อซิฟิลิสทั่วโลกนั้น มักจะเป็นประชากรในกลุ่มประเทศ “กำลังพัฒนา”
ทั้งนี้ รายงานล่าสุดของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติของสหรัฐฯยังระบุด้วยว่า นับตั้งแต่ปี 2005 เป็นต้นมา อัตราการติดเชื้อซิฟิลิสในหมู่ชายชาวอเมริกันได้เพิ่มสูงขึ้นเกือบเท่าตัว ขณะที่การติดเชื้อดังกล่าวในหมู่สตรีอเมริกันมีสัดส่วนที่คงที่และไม่มีการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วเท่าของฝ่ายชาย
ก่อนหน้านี้ ทางกระทรวงสาธารณสุขสหรัฐฯ เคยออกมาประกาศว่า จะเร่งออกมาตรการรณรงค์ให้ชาวอเมริกันตระหนักถึงความสำคัญของการมีเพศสัมพันธ์แบบปลอดภัยให้มากขึ้น รวมถึงการส่งเสริมค่านิยมในการซื่อสัตย์ต่อคู่ครองของตนเพื่อลดการติดเชื้อโรคทางเพศที่ทำให้รัฐบาลอเมริกันต้องสูญเสียงบประมาณมหาศาลในแต่ละปี เพื่อบำบัดรักษาผู้ติดเชื้อเหล่านี้ที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น