ห่วงเยาวชนใช้ไลน์ส่งภาพโป๊เปลือย เป็นตัวกระตุ้นความอยากรู้อยากลอง และอาจเกิดการมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัย สธ.เผยข้อมูลวัยรุ่นชาย-หญิง อายุ 15-24 ปี ป่วยเป็นเอดส์ตั้งแต่ปี 2527-2554 แล้วเกือบ 40,000 ราย ชี้หากติดกามโรค เช่น หนองใน ซิฟิลิส จะเพิ่มความเสี่ยงติดเชื้อเอชไอวีมากกว่าคนทั่วไป 3-9 เท่าตัว
นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า จากข้อมูลการเฝ้าระวังโรค โดยสำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค พบว่า ประชากรอายุระหว่าง 15-24 ปี มีแนวโน้มอัตราป่วยด้วยกามโรค ซึ่งเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์โดยตรง เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2549 สะท้อนถึงปัญหาการไม่ใส่ถุงยางอนามัยป้องกัน ซึ่งหากติดกามโรค เช่น หนองใน หนองในเทียม ซิฟิลิส กามโรคของต่อมและท่อน้ำเหลืองและแผลริมอ่อน จะมีโอกาสติดเชื้อเอชไอวีมากกว่าคนปกติ 3-9 เท่า เนื่องจากจะมีรอยแผลเป็นในเยื่อบุที่อวัยวะสืบพันธุ์ เป็นช่องทางให้ติดเชื้อง่ายและมีโอกาสรับเชื้อเพิ่มซ้ำๆ โดยตั้งแต่กันยายน 2527 จนถึง 15 พฤศจิกายน 2554 มีวัยรุ่นอายุ 15-24 ปี มีอาการป่วยเป็นโรคเอดส์แล้วประมาณ 40,000 รายจากผู้ป่วยทั้งหมด 376,690 ราย
สำหรับสาเหตุของการมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควรของวัยรุ่น ได้แก่ 1.การอยากรู้ อยากลอง ซึ่งเป็นผลมาจากฮอร์โมนเพศ 2.ค่านิยมการมีคู่นอนหลายคน 3.การมีเพศสัมพันธ์เพื่อแลกเปลี่ยนเงินหรือสิ่งของ 4.การขาดทักษะในการต่อรอง/ปฏิเสธ เพื่อหลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์ 5.เข้าถึงสื่อลามก อนาจาร เช่น ทางอินเทอร์เน็ต หรือผ่านทางไลน์ (line) ส่งถึงตัวโดยตรงหรือถึงกลุ่มเพื่อน บุคคลภายนอกไม่สามารถรู้ได้ ซึ่งจะเป็นการกระตุ้นให้เกิดการอยากรู้อยากลองมากขึ้น และเป็นอันตรายหากไม่ได้รับการปรึกษาแนะนำอย่างเหมาะสม รวมทั้งการป้องกัน เป็นปัจจัยเสริมให้มีโอกาสมีเพศสัมพันธ์ได้ง่ายยิ่งขึ้น 6.มีพฤติกรรมการดื่มสุราและยาเสพติด ทำให้ขาดสติ เสี่ยงต่อการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ป้องกัน และ 7.สภาพเศรษฐกิจและสังคมเปลี่ยนไปทำให้ค่านิยมในการรักนวลสงวนตัวน้อยลง
ด้าน นพ.โสภณ เมฆธน อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า กรมควบคุมโรค ได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและภาคเอกชน กำหนดมาตรการสำคัญในการป้องกันปัญหา โดยส่งเสริมการเรียนการสอนเรื่องเอดส์และเพศศึกษาในสถานศึกษา ส่งเสริมการเข้าถึงข้อมูล คำแนะนำ คำปรึกษา และบริการสุขภาพอนามัยการเจริญพันธุ์ ส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพแกนนำเยาวชน รวมทั้งสนับสนุนถุงยางอนามัยฟรีแก่สถานบริการสาธารณสุขต่างๆ เพื่อแจกจ่ายแก่เยาวชนและประชาชนทั่วไป ซึ่งจะป้องกันได้ทั้งการตั้งครรภ์ และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ทุกโรค รวมทั้งรณรงค์ให้ความรู้ความเข้าใจในการป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และโรคเอดส์ เพิ่มทางเลือกและช่องทางในการป้องกัน ควบคุมโรค เน้นให้เยาวชนได้เรียนรู้ โดยการพัฒนาศักยภาพเครือข่ายในระดับพื้นที่ ให้องค์ความรู้ และวิธีการสื่อสารในเรื่องถุงอนามัยสตรี เป็นต้น นอกจากนี้ ได้ส่งเสริมให้ประชาชนหรือวัยรุ่นที่มีพฤติกรรมเสี่ยง สามารถตรวจเลือดหาการติดเชื้อเอชไอวีได้ฟรีปีละ 2 ครั้ง หากรู้เร็วจะได้รับการรักษาเร็ว สามารถอยู่กับเชื้อเอชไอวีได้เหมือนโรคเรื้อรังอื่นๆ จัดบริการที่สถานบริการสาธารณสุข หรือโรงพยาบาลของรัฐทุกแห่ง หรือกลุ่มบางรักโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ สำนักโรคเอดส์ วัณโรคและโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.aidsstithai.org หรือ www.lovecarestation.com, www.teenpath.com, www.thaiyouths.org หรือ Call center 1330 กด 4, 0 2941 2320 ต่อ 181, 182 หรือสายด่วนกรมควบคุมโรค โทร.1422
นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า จากข้อมูลการเฝ้าระวังโรค โดยสำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค พบว่า ประชากรอายุระหว่าง 15-24 ปี มีแนวโน้มอัตราป่วยด้วยกามโรค ซึ่งเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์โดยตรง เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2549 สะท้อนถึงปัญหาการไม่ใส่ถุงยางอนามัยป้องกัน ซึ่งหากติดกามโรค เช่น หนองใน หนองในเทียม ซิฟิลิส กามโรคของต่อมและท่อน้ำเหลืองและแผลริมอ่อน จะมีโอกาสติดเชื้อเอชไอวีมากกว่าคนปกติ 3-9 เท่า เนื่องจากจะมีรอยแผลเป็นในเยื่อบุที่อวัยวะสืบพันธุ์ เป็นช่องทางให้ติดเชื้อง่ายและมีโอกาสรับเชื้อเพิ่มซ้ำๆ โดยตั้งแต่กันยายน 2527 จนถึง 15 พฤศจิกายน 2554 มีวัยรุ่นอายุ 15-24 ปี มีอาการป่วยเป็นโรคเอดส์แล้วประมาณ 40,000 รายจากผู้ป่วยทั้งหมด 376,690 ราย
สำหรับสาเหตุของการมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควรของวัยรุ่น ได้แก่ 1.การอยากรู้ อยากลอง ซึ่งเป็นผลมาจากฮอร์โมนเพศ 2.ค่านิยมการมีคู่นอนหลายคน 3.การมีเพศสัมพันธ์เพื่อแลกเปลี่ยนเงินหรือสิ่งของ 4.การขาดทักษะในการต่อรอง/ปฏิเสธ เพื่อหลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์ 5.เข้าถึงสื่อลามก อนาจาร เช่น ทางอินเทอร์เน็ต หรือผ่านทางไลน์ (line) ส่งถึงตัวโดยตรงหรือถึงกลุ่มเพื่อน บุคคลภายนอกไม่สามารถรู้ได้ ซึ่งจะเป็นการกระตุ้นให้เกิดการอยากรู้อยากลองมากขึ้น และเป็นอันตรายหากไม่ได้รับการปรึกษาแนะนำอย่างเหมาะสม รวมทั้งการป้องกัน เป็นปัจจัยเสริมให้มีโอกาสมีเพศสัมพันธ์ได้ง่ายยิ่งขึ้น 6.มีพฤติกรรมการดื่มสุราและยาเสพติด ทำให้ขาดสติ เสี่ยงต่อการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ป้องกัน และ 7.สภาพเศรษฐกิจและสังคมเปลี่ยนไปทำให้ค่านิยมในการรักนวลสงวนตัวน้อยลง
ด้าน นพ.โสภณ เมฆธน อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า กรมควบคุมโรค ได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและภาคเอกชน กำหนดมาตรการสำคัญในการป้องกันปัญหา โดยส่งเสริมการเรียนการสอนเรื่องเอดส์และเพศศึกษาในสถานศึกษา ส่งเสริมการเข้าถึงข้อมูล คำแนะนำ คำปรึกษา และบริการสุขภาพอนามัยการเจริญพันธุ์ ส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพแกนนำเยาวชน รวมทั้งสนับสนุนถุงยางอนามัยฟรีแก่สถานบริการสาธารณสุขต่างๆ เพื่อแจกจ่ายแก่เยาวชนและประชาชนทั่วไป ซึ่งจะป้องกันได้ทั้งการตั้งครรภ์ และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ทุกโรค รวมทั้งรณรงค์ให้ความรู้ความเข้าใจในการป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และโรคเอดส์ เพิ่มทางเลือกและช่องทางในการป้องกัน ควบคุมโรค เน้นให้เยาวชนได้เรียนรู้ โดยการพัฒนาศักยภาพเครือข่ายในระดับพื้นที่ ให้องค์ความรู้ และวิธีการสื่อสารในเรื่องถุงอนามัยสตรี เป็นต้น นอกจากนี้ ได้ส่งเสริมให้ประชาชนหรือวัยรุ่นที่มีพฤติกรรมเสี่ยง สามารถตรวจเลือดหาการติดเชื้อเอชไอวีได้ฟรีปีละ 2 ครั้ง หากรู้เร็วจะได้รับการรักษาเร็ว สามารถอยู่กับเชื้อเอชไอวีได้เหมือนโรคเรื้อรังอื่นๆ จัดบริการที่สถานบริการสาธารณสุข หรือโรงพยาบาลของรัฐทุกแห่ง หรือกลุ่มบางรักโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ สำนักโรคเอดส์ วัณโรคและโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.aidsstithai.org หรือ www.lovecarestation.com, www.teenpath.com, www.thaiyouths.org หรือ Call center 1330 กด 4, 0 2941 2320 ต่อ 181, 182 หรือสายด่วนกรมควบคุมโรค โทร.1422