เอเอฟพี - เจ้าหน้าที่เปิดเผยวันนี้ (6 พ.ค.) ว่า หญิงสาวที่ถูกรุมโทรมในเขตปกครองพิเศษอาเจะห์ ของอินโดนีเซีย อาจถูกเฆี่ยนตีในที่สาธารณะฐานหลับนอนกับชายที่แต่งงานแล้ว โดยถือเป็นบทลงโทษของกฎหมายอิสลามที่บังคับใช้ในดินแดนแห่งนี้
กลุ่มชาย 8 คน ถูกกล่าวหาว่า ล่วงละเมิดทางเพศหญิงหม้ายวัย 25 ปี ที่บ้านของเธอ ในเมืองลังซา เขตอาเจะห์ตะวันออก เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ทั้งยังรุมทำร้ายชายคนหนึ่งซึ่งถูกกล่าวหาว่าเป็นชู้รักของเธอ
หลังถูกทำร้าย และถูกจุ่มในน้ำโสโครก ชายหญิงคู่นี้ถูกส่งตัวให้กับเจ้าหน้าที่ผู้บังคับใช้กฎหมายอิสลาม (ชารีอะห์)
อิบรอฮิม ลาติฟ หัวหน้าสำนักงานบังคับใช้กฎหมายชารีอะห์ ประจำเมืองลังซากล่าวว่า ชายวัย 40 ปี และหญิงผู้นี้อาจถูกเฆี่ยน 9 ครั้งในที่สาธารณะฐานลอบคบชู้
เขาระบุกับเอเอฟพีว่า “เราต้องการให้คนทั้งคู่ถูกเฆี่ยนตี เนื่องจากพวกเขาละเมิดกฎหมายชารีอะห์ด้วยการคบชู้”
เขากล่าวเสริมว่า กลุ่มผู้ก่อเหตุข่มขืน “ก็จะถูกนำตัวมาดำเนินคดีเช่นกัน”
ตำรวจสามารถรวบตัวผู้ต้องหาคดีรุมโทรมเหยื่อสาวไว้ได้เพียง 3 คน ซึ่งหนึ่งในจำนวนนี้มีอายุเพียง 13 ปี ขณะที่เจ้าหน้าที่ยังคงตามล่าตัวชายอีก 5 คนที่หลบหนีไปได้
อาเจะห์มีเจ้าหน้าที่ตำรวจพิเศษรับหน้าที่เป็นผู้บังคับใช้กฎหมายอิสลาม นอกจากนี้ เขตปกครองเพียงแห่งเดียวของอินโดนีเซียที่มีการประกาศใช้กฎหมายชารีอะห์แห่งนี้ยังมีตำรวจปกติ ซึ่งทำหน้าที่บังคับใช้กฎหมายอาญากับผู้ที่ทำความผิดต่างๆ เป็นต้นว่า ข่มขืนกระทำชำเรา
เมื่อกว่า 1 ทศวรรษก่อน อาเจะห์ ซึ่งอยู่ทางเหนือสุดของเกาะสุมาตรา ในอินโดนีเซีย ได้รับสิทธิให้ประกาศใช้กฎหมายอิสลาม เพื่อให้เขตปกครองนี้มีอำนาจปกครองตนเองเพิ่มขึ้น และเพื่อเป็นการยับยั้งการก่อเหตุไม่สงบฝีมือกลุ่มแบ่งแยกดินแดนที่เกิดขึ้นมาเนิ่นนาน
ทั้งนี้ ประชากรกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ในอินโดนีเซียเป็นผู้นับถือศาสนาอิสลาม แต่ส่วนใหญ่แล้วเป็นชาวมุสลิมที่ยึดมั่นในแนวทางสายกลาง