เอเอฟพี - ศาลซูดานวันนี้ (15 พ.ค.) พิพากษาลงโทษหญิงผู้นับถือศาสนาคริสต์รายหนึ่งด้วยการแขวนคอ ฐานละทิ้งความเชื่อทางศาสนาอิสลาม แม้ว่าจะมีความพยายามยื่นคำร้องขอความเมตตา และเรียกร้องให้เคารพเสรีภาพกในการนับถือศาสนาจากบรรดาสถานเอกอัครราชทูตของชาติตะวันตกแล้วก็ตาม
ผู้พิพากษา อับบาส โมฮัมเหม็ด อัล-คาลิฟา กล่าวกับหญิงสาวว่า “เราให้เวลา 3 วันเพื่อให้จำเลยกลับคำให้การ แต่จำเลยก็ยังย้ำว่าจะไม่กลับมานับถือศาสนาอิสลาม ศาลจึงต้องพิพากษาประหารชีวิตจำเลย ด้วยการแขวนคอ”
หญิงผู้นี้มีชื่อทางศาสนาคริสต์ว่า เมอเรียม ยาเฮีย อิบรอฮิม อิชาก
นอกจากนี้ คาลิฟาได้พิพากษาให้เฆี่ยนตีเธอ 100 ที ในข้อหา “คบชู้”
อิชากวัย 27 ปี ผู้ที่นักเคลื่อนไหวคุ้มครองสิทธิระบุว่ากำลังตั้งครรภ์ ได้แสดงสีหน้าไร้อารมณ์ เมื่ออับบาสอ่านคำตัดสิน ณ ศาลแขวงฮัจ ยูเซฟ ในกรุงคาร์ทูม
ก่อนหน้านี้ในระหว่างการพิจารณาคดี ผู้นำทางศาสนาอิสลามได้พูดคุยกับเธอในคอกจำเลยอยู่ราว 30 นาที
จากนั้นเธอก็กล่าวกับผู้พิพากษาอย่างใจเย็นว่า “ดิฉันเป็นคริสต์ศาสนิกชน และไม่เคยละทิ้งความเชื่อทางศาสนา”
ทั้งนี้ ระบอบปกครองอิสลามิสต์ของซูดานได้บังคับใช้กฎหมายอิสลาม (ชารีอะห์) นับตั้งแต่ปี 1983 แต่น้อยครั้งที่ศาลจะพิพากษาลงโทษ ด้วยมาตรการที่ร้ายแรงกว่าการเฆี่ยนตี
หลังศาลอ่านคำตัดสินก็มีผู้ประท้วงราว 50 คนออกมารวมตัวคัดค้าน โดยหนึ่งในบรรดาผู้ชุมนุมถือป้ายที่มีข้อความว่า “ศาลจะต้องไม่ลงโทษเมอเรียม” ขณะที่อีกป้ายหนึ่งระบุว่า “เสรีภาพในการนับถือศาสนาเป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญ”
ผู้ประท้วงคนหนึ่งกล่าวในการปราศรัยว่า พวกเขาจะยังเดินหน้าปักหลักชุมนุมนั่งประท้วงต่อไป จนกว่าเธอจะได้รับอิสรภาพ
นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มผู้สนับสนุนคำตัดสินของศาลออกมารวมตัวเช่นกัน แต่ไม่มีเหตุรุนแรงเกิดขึ้น
ผู้ชุมนุมฝ่ายสนับสนุนคนหนึ่งกล่าวว่า “คำตัดสินของศาลเป็นไปตามกฎหมาย คุณมาประท้วงกันทำไม” กระตุ้นให้นักเคลื่อนไหวเรียกร้องสิทธิคนหนึ่งสวนกลับเป็นพัลวันว่า “ทำไมต้องลงโทษเมอเรียมด้วย ทีพวกทุจริตคอร์รัปชันไม่รู้จักเอาตัวมาขึ้นศาล”