เอเจนซี - ทางการซาอุดีอาระเบียแถลงยืนยันในวันศุกร์ (2) พบผู้ติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่กลุ่มโรคทางเดินหายใจตะวันออกกลาง หรือ ไวรัส “MERS” เพิ่มอีกอย่างน้อย 26 รายในประเทศของตน ส่งผลให้ยอดรวมผู้ติดเชื้อในราชอาณาจักรกลางทะเลทรายแห่งนี้เพิ่มเป็นอย่างน้อย 371 ราย ขณะเดียวกัน มีรายงานพบการระบาดของเชื้อมรณะที่ยังไม่มีหนทางรักษานี้ใน “โรงพยาบาล” อย่างน้อย 3 แห่งที่นครเจดดาห์ เมืองใหญ่อันดับ 2 ของประเทศ
กระทรวงสาธารณสุขซาอุดีอาระเบีย แถลงยืนยันพบผู้ติดเชื้อไวรัส MERS รายใหม่อีกอย่างน้อย 26 ราย โดยในจำนวนนี้มี 10 รายที่เป็นผู้ติดเชื้อรายใหม่ในกรุงริยาดห์ เมืองหลวงของประเทศ และพบอีก 7 รายในนครเจดดาห์ เมืองใหญ่อันดับ 2 ของประเทศ รวมถึงพบผู้ติดเชื้อใหม่อีกอย่างน้อย 4 รายที่นครเมกกะอันศักดิ์สิทธิ์
นอกจากนั้น ทางกระทรวงยังยืนยันพบผู้ติดเชื้อไวรัสมรณะชนิดนี้อีกอย่างน้อย 5 ราย ตามหัวเมืองชายแดน ทั้งที่อยู่ใกล้กับประเทศเพื่อนบ้านอย่าง คูเวต และเยเมน ทำให้เกิดความกังวลว่าเชื้อไวรัสที่มีลักษณะทางพันธุกรรมใกล้เคียงกับเชื้อที่ทำให้เกิด “โรคซาร์ส” นี้ อาจแพร่ระบาดลุกลามไปยังประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคตะวันออกกลางในอนาคตอันใกล้นี้ และจะกลายเป็นวิกฤตด้านสาธารณสุขระดับโลก
ขณะเดียวกัน มีการยืนยันถึงการระบาดของไวรัส MERS ภายใน “โรงพยาบาล” อย่างน้อย 3 แห่ง ที่นครเจดดาห์ ที่เป็นบ้านของประชากรมากกว่า 5.1 ล้านคน และเป็นเมืองใหญ่อันดับ 2 ของประเทศ
โดยพบหลักฐานว่า มีผู้ติดเชื้อไวรัสนี้หลายรายที่ถูกนำตัวเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลทั้ง 3 แห่ง ได้แพร่เชื้อไปยังหมอและพยาบาล ตลอดจนผู้ป่วยรายอื่นๆ จนส่งผลให้เกิดความหวาดกลัวในหมู่เจ้าหน้าที่สาธารณสุข ถึงขั้นที่แพทย์และพยาบาลจำนวนไม่น้อยไม่กล้าเดินทางมาปฏิบัติหน้าที่ในโรงพยาบาล
ทั้งนี้ ข้อมูลล่าสุดของทางการซาอุฯยืนยันว่า ในจำนวนผู้ติดเชื้อที่เพิ่มเป็นอย่างน้อย 371 คนแล้วนั้น มีผู้เสียชีวิตไปแล้วถึง 107 ราย
ด้านองค์การอนามัยโลก (WHO) ออกคำแถลงจากสำนักงานใหญ่ของตนในนครเจนีวาของสวิตเซอร์แลนด์ในวันพฤหัสบดี (1) แสดงความเป็นห่วงถึงความพร้อมของรัฐบาลซาอุดีอาระเบีย ในการ “รับมือ” กับการแพร่ระบาดของไวรัส MERS
โดยเฉพาะในช่วง “รอมฎอน” ในเดือนกรกฎาคมนี้ รวมถึงในช่วงที่มีการประกอบพิธีฮัจญ์ในเดือนตุลาคม ที่จะมีผู้แสวงบุญชาวมุสลิมจำนวนหลายล้านคนจากทั่วโลกเดินทางไปยังซาอุดีอาระเบีย