เอเอฟพี – กลุ่มชาติอุตสาหกรรมชั้นนำ 7 ประเทศ (G7) เตรียมประกาศใช้มาตรการคว่ำบาตรรัสเซียเพิ่มเติมจากกรณีปัญหายูเครน ขณะที่เจ้าหน้าที่อาวุโสสหรัฐฯระบุว่า คำสั่งคว่ำบาตรชุดใหม่อาจเริ่มมีผลบังคับอย่างเร็วที่สุดภายในวันจันทร์นี้ (28)
คำแถลงดังกล่าวถือเป็นมาตรการตอบโต้ล่าสุดจากกลุ่ม G7 ซึ่งก่อนหน้านี้เคยบวกรัสเซียอีก 1 ประเทศเป็น G8 แต่หลังจากที่แหลมไครเมียซึ่งเป็นเขตปกครองตนเองของยูเครนถูกรัสเซียผนวกเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา สมาชิกดั้งเดิม 7 ประเทศก็ประกาศไม่รับรัสเซียเข้ากลุ่มอีกต่อไป
ประธานาธิบดี บารัค โอบามา ซึ่งอยู่ระหว่างเยือนเกาหลีใต้อย่างเป็นทางการ ได้โทรศัพท์พูดคุยกับบรรดาผู้นำชาติยุโรปเมื่อค่ำวานนี้ (25) ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯชี้ว่า เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างความร่วมมือที่ใกล้ชิดระหว่างสหรัฐฯและพันธมิตร
อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ คนหนึ่งระบุว่า มาตรการคว่ำบาตรที่แต่ละชาติประกาศใช้อาจไม่เหมือนกัน เนื่องจากหลายประเทศในยุโรปยังต้องพึ่งพาแหล่งพลังงานนำเข้าจากรัสเซีย
ถ้อยแถลงร่วมของกลุ่ม G7 ในวันนี้ (26) ระบุว่า “เราทุกชาติเห็นพ้องให้มีการบังคับใช้มาตรการคว่ำบาตรเพิ่มเติมกับรัสเซียโดยเร็วที่สุด”
“โอกาสที่ยูเครนจะได้จัดการเลือกตั้งประธานาธิบดีอย่างสันติและเป็นประชาธิปไตยในเดือนพฤษภาคมถือเป็นเรื่องเร่งด่วน ดังนั้น เราจึงต้องใช้มาตรการคว่ำบาตรเพิ่มเติมโดยเร็ว เพื่อกดดันให้รัสเซียสูญเสียประโยชน์จากการกระทำของพวกเขาเองมากขึ้น”
กลุ่ม G7 ยังยกย่อง “ความอดทนอดกลั้น” ของรัฐบาลชั่วคราวยูเครนในการจัดการปัญหากลุ่มติดอาวุธโปรรัสเซียซึ่งยึดสถานที่ราชการในเมืองทางภาคตะวันออกไว้
“ในทางกลับกัน รัสเซียกลับไม่เคยลงมือปฏิบัติตามข้อตกลงที่เจนีวาอย่างจริงจังเลย” ถ้อยแถลงจาก G7 ชี้
“รัสเซียไม่เคยประกาศสนับสนุนข้อตกลงอย่างเปิดเผย ไม่ประณามกลุ่มแบ่งแยกดินแดนที่บั่นทอนความมั่นคงของยูเครน และไม่เรียกร้องให้คนเหล่านั้นวางอาวุธและเดินออกจากสถานที่ราชการที่พวกเขายึดไว้อย่างสันติ”
“ในทางตรงกันข้าม มอสโกกับปลุกปั่นให้วิกฤตครั้งนี้ทวีความรุนแรง โดยมีการข่มขู่ และยังส่งทหารไปตรึงแนวชายแดนยูเครนเพิ่มขึ้น”
“เราขอประณามอย่างรุนแรงที่สุดต่อการที่รัสเซียผนวกคาบสมุทรไครเมียและเซวาสโตโพลอย่างผิดกฎหมาย และเราไม่ยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้น... เราจะดำเนินการตอบโต้ทั้งในเชิงกฎหมายและในทางปฏิบัติ ซึ่งอาจรวมถึงในด้านเศรษฐกิจ, การค้า และการเงินด้วย”
แหล่งข่าวชี้ว่า มาตรการคว่ำบาตรอาจพุ่งเป้าไปที่ชาวรัสเซียเป็นรายบุคคล หรืออาจหนักหนายิ่งกว่านั้น แต่จะไม่ก้าวล่วงไปถึงภาคเศรษฐกิจ
