เอเอฟพี - รองประธานาธิบดีโจ ไบเดน ในวันอังคาร (22 เม.ย.) เตือนรัสเซียจะถูกโดดเดี่ยว หากยังพยายามปลุกปั่นให้ยูเครนแตกเป็นเสี่ยง และสัญญาว่าสหรัฐฯจะสนับสนุนเหล่าผู้นำเคียฟอย่างแข็งขัน ท่ามกลางเหตุเผชิญหน้าในรูปแบบสงครามเย็นที่ร้อนระอุขึ้นเรื่อยๆ หลังจากกลุ่มกบฏฝักใฝมอสโกเมินข้อตกลงคลี่คลายวิกฤต บุกยึดสถานีตำรวจเพิ่มอีกแห่ง
“เราเรียกร้องรัสเซีย หยุดให้การสนับสนุนชายฉกรรจ์สวมหน้ากากในเครื่องแบบไม่ระบุสังกัด ที่กำลังแพร่กระจายความไม่สงบทางภาคตะวันออกของยูเครนในตอนนี้” ไบเดน กล่าวระหว่างเยือนกรุงเคียฟเป็นเวลา 2 วัน “เราพูดอย่างชัดเจนว่า พฤติกรรมยั่วยุของรัสเซียจะนำมาซึ่งความเสียหายและถูกโดดเดี่ยวมากกว่านี้” รองประธานาธิบดีสหรัฐฯกล่าวก่อนเดินทางกลับวอชิงตันในอีกไม่กี่ชั่วโมงต่อมา
คำเตือนของไบเดน มีขึ้นขณะที่สัญญาณต่างๆทางภาคพื้นแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าความพยายามทางการทูตที่หวังทำให้วิกฤตสงบลงล้มเหลวโดยสิ้นเชิง เปิดประตูให้สหรัฐฯขู่คว่ำบาตรรัสเซียหนักหน่วงยิ่งขึ้น โดยเมื่อช่วงค่ำคืนวันจันทร์ (21) กลุ่มกบฏฝักใฝ่รัสเซียในภาคตะวันออกของยูเครน อ้างว่าได้เข้าควบคุมสถานีตำรวจของเมืองครามาตอร์สค์ หลังจากบุกยึดศาลากลางไปก่อนหน้าแล้ว
องค์การว่าด้วยความมั่นคงและความร่วมมือในยุโรป ซึ่งส่งนักสังเกตการณ์เข้าไปยังยูเครนมากกว่า 100 คน ยืนยันว่าผู้บังคับการตำรวจของสถานีถูกกลุ่มนักรบลักพาตัวและเรียกร้องให้ปล่อยตัวเขาออกมา โดยในถ้อยแถลง เออร์ตูกรุล อปาคาน หัวหน้าทีมสังเกตการณ์ ประณามว่ามันเป็นพฤติกรรมที่ยั่วยุและรังแต่จะทำให้สถานการณ์ที่ตึงเครียดอยู่ในตอนนี้เลวร้ายลงไปอีก
นอกจากนี้ยังมีรายงานด้วยว่า เครื่องบินลาดตระเวนของกองทัพยูเครนถูกอาวุธขนาดเล็กยิงได้รับความเสียหาย ขณะบินตรวจตราเหนือเมืองสลาฟยานส์ค ซึ่งตกอยู่ภายใต้การควบคุมของฝ่ายกบฏ อย่างไรก็ตาม กระทรวงกลาโหมเคียฟยืนยันว่าเครืองบินอันโตนอฟ An-30 สามารถลงจอดฉุกเฉินอย่างปลอดภัย และไม่มีลูกเรือรายใดได้รับบาดเจ็บ
ด้านนายโอเลกซานเดอร์ ตูร์ชีนอฟ รักษาการณ์ประธานาธิบดียูเครนได้ออกถ้อยแถลงประณามการบุกยึดครั้งใหม่ว่ากำลังทำลายทุกข้อตกลงที่บรรลุกันในเจนีวา
โดยเขาอ้างถึงข้อตกลงที่ยูเครน รัสเซีย สหรัฐฯและสหภาพยุโรป ลงนามกันเมื่อวันพฤหัสบดี (17) ที่ออกแบบมาเพื่อลดความผันผวนของสถานการณ์และป้องกันไม่ให้วิกฤตลุกลามสู่สงครามกลางเมืองหรือเลวร้ายกว่านั้น อย่างไรก็ตามกลุ่มแบ่งแยกดินแดนฝ่ายนิยมรัสเซีย ซึ่งเคียฟและวอชิงตันกล่าวหาว่าได้รับการสนับสนุนจากกองกำลังพิเศษมอสโก เพิกเฉยต่อข้อตกลงดังกล่าวที่เรียกร้องให้พวกเขาวางอาวุธและถอนตัวจากอาคารราชการต่างๆที่พวกเขาบุกยึดในหลายเมืองทางภาคตะวันออกของยูเครน
ในส่วนของฝั่งรัสเซียบอกว่า เหล่าผู้นำยูเครนที่พวกเขามองว่าก้าวสู่อำนาจโดยไร้ความชอบธรรมทางกฎหมาย เป็นต้นตอของการล่มไม่เป็นท่าของข้อตกลงนี้ ด้วยกล่าวหาพวกชาตินิยมที่เกี่ยวข้องกับการประท้วงนานหลายเดือนในกรุงเคียฟและโค่นล้มอดีตประธานาธิบดีวิกเตอร์ ยานูโควิช ผู้ฝักใฝ่มอสโกสำเร็จในเดือนกุมภาพันธ์ สังหารกลุ่มกบฏตายไปหลายคนในเหตุโจมตีใกล้เมืองสลาฟยันส์คเมื่อวันอาทิตย์ (20) ที่ผ่านมา
หลายเดือนมาแล้วที่รัสเซียส่งทหารหลายหมื่นนายเข้าประชิดชายแดนทางตะวันออกของยูเครน ความเคลื่อนไหวที่นาโต้มองว่าเป็นการเตรียมพร้อมสำหรับรุกราน ทำให้สหรัฐฯและนาโต้ต้องตอบโต้ด้วยกว่าเสริมกำลังในยุโรปตะวันออก
หลังเสร็จสิ้นการเข้าพบเหล่าผู้นำยูเครนในกรุงเคียฟแล้ว นายไบเดน เรียกร้องให้รัสเซียถอนกำลังเหล่านั้น และยกเลิกการผนวกแหลมไครเมียเข้าเป็นส่วนหนึ่งของดินแดน “พวกเราในสหรัฐฯ ยืนหยัดอยู่เคียงข้างพวกคุณและประชาชนชาวยูเครน” ไบเดน ระบุระหว่างแถลงข่าวร่วมกับนายกรัฐมนตรียูเครน “มีบางคนพยายามทำลายยูเครนให้แตกเป็นเสี่ยง”
นอกจากนี้แล้วเขายังยืนยันด้วยว่า สหรัฐฯ จะเพิ่มความช่วยเหลือยูเครน เพื่อจะได้พึ่งพาก๊าซจากรัสเซียน้อยลง เช่นเดียวกับการต่อสู้คอร์รัปชันและเตรียมพร้อมสำหรับศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีในวันที่ 25 พฤษภาคม