รองประธานาธิบดีโจ ไบเดน ในวันอังคาร(22) เตือนรัสเซียจะถูกโดดเดี่ยว หากยังพยายามปลุกปั่นให้ยูเครนแตกเป็นเสี่ยง และสัญญาว่าสหรัฐฯจะสนับสนุนเหล่าผู้นำเคียฟอย่างแข็งขัน ท่ามกลางเหตุเผชิญหน้าในรูปแบบสงครามเย็นที่ร้อนระอุขึ้นเรื่อยๆ หลังจากกลุ่มกบฏฝักใฝมอสโกเมินข้อตกลงคลี่คลายวิกฤต บุกยึดสถานีตำรวจเพิ่มอีกแห่ง
"เราเรียกร้องรัสเซีย หยุดให้การสนับสนุนชายฉกรรจ์สวมหน้ากากในเครื่องแบบไม่ระบุสังกัด ที่กำลังแพร่กระจายความไม่สงบทางภาคตะวันออกของยูเครนในตอนนี้" ไบเดน กล่าวระหว่างเยือนกรุงเคียฟเป็นเวลา 2 วัน "เราพูดอย่างชัดเจนว่า พฤติกรรมยั่วยุของรัสเซียจะนำมาซึ่งความเสียหายและถูกโดดเดี่ยวมากกว่านี้" รองประธานาธิบดีสหรัฐฯกล่าวก่อนเดินทางกลับวอชิงตันในอีกไม่กี่ชั่วโมงต่อมา
คำเตือนของไบเดน มีขึ้นขณะที่สัญญาณต่างๆทางภาคพื้นแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าความพยายามทางการทูตที่หวังทำให้วิกฤตสงบลงล้มเหลวโดยสิ้นเชิง เปิดประตูให้สหรัฐฯขู่คว่ำบาตรรัสเซียหนักหน่วงยิ่งขึ้น โดยเมื่อช่วงค่ำคืนวันจันทร์(21) กลุ่มกบฏฝักใฝ่รัสเซียในภาคตะวันออกของยูเครน อ้างว่าได้เข้าควบคุมสถานีตำรวจของเมืองครามาตอร์สค์ หลังจากบุกยึดศาลากลางไปก่อนหน้าแล้ว
องค์การว่าด้วยความมั่นคงและความร่วมมือในยุโรป ซึ่งส่งนักสังเกตการณ์เข้าไปยังยูเครนมากกว่า 100 คน ยืนยันว่าผู้บังคับการตำรวจของสถานีถูกกลุ่มนักรบลักพาตัวและเรียกร้องให้ปล่อยตัวเขาออกมา โดยในถ้อยแถลง เออร์ตูกรุล อปาคาน หัวหน้าทีมสังเกตการณ์ ประณามว่ามันเป็นพฤติกรรมที่ยั่วยุและรังแต่จะทำให้สถานการณ์ที่ตึงเครียดอยู่ในตอนนี้เลวร้ายลงไปอีก
นอกจากนี้ยังมีรายงานด้วยว่าเครื่องบินลาดตระเวณของกองทัพยูเครนถูกอาวุธขนาดเล็กยิงได้รับความเสียหาย ขณะบินตรวจตราเหนือเมืองสลาฟยานส์ค ซึ่งตกอยู่ภายใต้การควบคุมของฝ่ายกบฏ อย่างไรก็ตามกระทรวงกลาโหมเคียฟยืนยันว่าเครืองบินอันโตนอฟ An-30 สามารถลงจอดฉุกเฉินอย่างปลอดภัย และไม่มีลูกเรือรายใดได้รับบาดเจ็บ
"เราเรียกร้องรัสเซีย หยุดให้การสนับสนุนชายฉกรรจ์สวมหน้ากากในเครื่องแบบไม่ระบุสังกัด ที่กำลังแพร่กระจายความไม่สงบทางภาคตะวันออกของยูเครนในตอนนี้" ไบเดน กล่าวระหว่างเยือนกรุงเคียฟเป็นเวลา 2 วัน "เราพูดอย่างชัดเจนว่า พฤติกรรมยั่วยุของรัสเซียจะนำมาซึ่งความเสียหายและถูกโดดเดี่ยวมากกว่านี้" รองประธานาธิบดีสหรัฐฯกล่าวก่อนเดินทางกลับวอชิงตันในอีกไม่กี่ชั่วโมงต่อมา
คำเตือนของไบเดน มีขึ้นขณะที่สัญญาณต่างๆทางภาคพื้นแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าความพยายามทางการทูตที่หวังทำให้วิกฤตสงบลงล้มเหลวโดยสิ้นเชิง เปิดประตูให้สหรัฐฯขู่คว่ำบาตรรัสเซียหนักหน่วงยิ่งขึ้น โดยเมื่อช่วงค่ำคืนวันจันทร์(21) กลุ่มกบฏฝักใฝ่รัสเซียในภาคตะวันออกของยูเครน อ้างว่าได้เข้าควบคุมสถานีตำรวจของเมืองครามาตอร์สค์ หลังจากบุกยึดศาลากลางไปก่อนหน้าแล้ว
องค์การว่าด้วยความมั่นคงและความร่วมมือในยุโรป ซึ่งส่งนักสังเกตการณ์เข้าไปยังยูเครนมากกว่า 100 คน ยืนยันว่าผู้บังคับการตำรวจของสถานีถูกกลุ่มนักรบลักพาตัวและเรียกร้องให้ปล่อยตัวเขาออกมา โดยในถ้อยแถลง เออร์ตูกรุล อปาคาน หัวหน้าทีมสังเกตการณ์ ประณามว่ามันเป็นพฤติกรรมที่ยั่วยุและรังแต่จะทำให้สถานการณ์ที่ตึงเครียดอยู่ในตอนนี้เลวร้ายลงไปอีก
นอกจากนี้ยังมีรายงานด้วยว่าเครื่องบินลาดตระเวณของกองทัพยูเครนถูกอาวุธขนาดเล็กยิงได้รับความเสียหาย ขณะบินตรวจตราเหนือเมืองสลาฟยานส์ค ซึ่งตกอยู่ภายใต้การควบคุมของฝ่ายกบฏ อย่างไรก็ตามกระทรวงกลาโหมเคียฟยืนยันว่าเครืองบินอันโตนอฟ An-30 สามารถลงจอดฉุกเฉินอย่างปลอดภัย และไม่มีลูกเรือรายใดได้รับบาดเจ็บ