เอเอฟพี - ยอดเหยื่อผู้เสียชีวิตจากเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ตะวันออกกลาง (MERS) ในซาอุดีอาระเบียได้ขยับขึ้นเป็น 81 ราย ในเวลาที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขของราชอาณาจักรเศรษฐีน้ำมันถูกปลดจากตำแหน่ง เมื่อมีรายงานผู้ติดเชื้อไวรัสมรณะชนิดนี้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
กระทรวงสาธารณสุขเปิดเผยเมื่อช่วงค่ำวานนี้ (21) ว่าชายชาวซาอุฯ วัย 73 ปี ซึ่งมีอาการเจ็บป่วยเรื้อรังได้เสียชีวิตลงที่กรุงริยาด ขณะที่พลเมืองวัย 54 ปี ซึ่งผลการวินิจฉัยชี้ว่าเขาติดเชื้อไวรัสในระบบทางเดินหายใจชนิดนี้ ได้สิ้นลมที่เมืองท่าเจดดาห์
กระทรวงสาธารณสุขเปิดเผยด้วยว่า นับตั้งแต่ค้นพบเชื้อไวรัสโคโรนากลุ่มอาการระบบทางเดินหายใจตะวันออกกลางเป็นครั้งแรกเมื่อเดือนกันยายน ปี 2012 ก็ได้รับรายงานว่ามีผู้ติดเชื้อทั่วราชอาณาจักรแล้ว 261 ราย
ทางด้าน องค์การอนามัยโลก (WHO) แถลงเมื่อวันที่ 17 เมษายนว่า ได้รับแจ้งว่ามีผู้ติดเชื้อไวรัส MERS ทั่วโลกที่ผลตรวจจากห้องแล็บยืนยันทั้งสิ้น 243 คน โดยเสียชีวิตไปแล้ว 93 ราย
นอกจากนี้ ซาอุดีอาระเบียวานนี้ (21) ได้ปลด อับดุลเลาะห์ อัล-ราเบียห์ รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขออกจากตำแหน่งโดยไม่ได้ออกมาชี้แจงเหตุผลใดๆ
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ราเบียห์ได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมโรงพยาบาลหลายแห่งในเมืองเจดดาห์ เพื่อบรรเทาความตื่นตระหนกจากกรณีที่เกิดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสชนิดนี้ในหมู่เจ้าหน้าที่สาธารณสุข จนเป็นชนวนเหตุให้ต้องสั่งปิดห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลแห่งหนึ่งเป็นการชั่วคราว
ทั้งนี้ ซาอุดีอาระเบียตรวจพบเชื้อไวรัส MERS ในภาคตะวันออกเป็นที่แรก ทว่าตอนนี้ได้ลุกลามไปยังพื้นที่อื่นๆ แล้ว
เชื้อไวรัสชนิดนี้จัดว่าอันตรายร้ายแรงกว่าโรคซาร์ส แต่มีโอกาสติดต่อน้อยกว่า โดย ซาร์ส ซึ่งเป็นเชื้อไวรัสในตระกูลเดียวกันเคยแพร่ระบาดในเอเชียเมื่อปี 2003 จนมีผู้ติดเชื้อทั้งหมด 8,273 คน และมีผู้ป่วย 9 เปอร์เซ็นต์เสียชีวิต
นักวิทยาศาสตร์ยังอยู่ระหว่างศึกษาต้นตอและช่องทางการแพร่ระบาดของไวรัสร้ายแรงชนิดนี้ ซึ่งปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนป้องกันได้ โดยจากการศึกษาวิจัยเมื่อไม่นานมานี้พบว่า ไวรัส MERS พบได้ทั่วไปในอูฐมาอย่างน้อย 20 ปีแล้ว และอาจมีการแพร่เชื้อโดยตรงจากสัตว์ชนิดนี้สู่คน
