เอเจนซีส์ - กระทรวงเกษตรสหรัฐฯ หรือ USDA ทำนายว่าช่วงปี 2010-13 นับเป็นครั้งแรกที่จำนวนประชากรสหรัฐฯ ที่อาศัยในท้องที่ห่างไกล หรือเขตที่เคยเป็นตัวเมือง มีจำนวนลดลงอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้ตัวเลขล่าสุดชี้ว่าในปีที่ผ่านมามีจำนวนลดลงเล็กน้อยก็ตาม ถือเป็นวิกฤตการปกครองท้องถิ่นในสหรัฐฯ
ข้อมูลจาก USDA ชี้ให้เห็นถึงจำนวนที่ลดลงของประชากรร่วม 28,000 รายจากเขตกันดาร และเขตที่ไม่ใช่ตัวเมืองในช่วงเดือนกรกฎาคม 2012 - เดือนกรกฎาคม 2013 ต่อเนื่องจากการลดลงในปีก่อนหน้านี้ที่ 48,500 คน โดยจำนวนลดลงโดยรวมตั้งแต่ปี 2010 อยู่ที่ 100,000 คน ถึงมีจะมีการเพิ่มขึ้นของประชากรสหรัฐฯ ในภาพรวมก็ตาม
เมื่อพิจารณาในรายละเอียดจะพบว่า การลดลงของประชากรนี้พบในรัฐฝั่งตะวันออก 14 รัฐในช่วงปี 2004-2007 และ 2010-2013 และในรัฐอื่น ถึงแม้จะมีการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องถึงประชากรในเขตที่ไม่ใช่เป็นตัวเมือง แต่ก็มีตัวเลขชี้การย้ายออกอยู่มาก ซึ่งการย้ายถิ่นไปสู่เขตที่ห่างไกล โดยเฉพาะในบริเวณที่มีสภาพแวดล้อมเหมาะกับการพักผ่อน เพิ่มขึ้นสูงสุดในปี 2006
ถึงแม้ตัวเลขรวมจะดูเล็กน้อย แต่ยอดของคนย้ายถิ่นออกนั้นมากกว่า ชาวอเมริกันเพียง 15% ที่อาศัยอยู่ในเขตกันดารและไม่ใช่เขตเมือง ถึงแม้ว่าพื้นที่ทั้งหมดนี้จะคิดเป็น 72% ของพื้นที่ทั้งหมด
นอกจากนี้ พบว่ามีจำนวนมากกว่า 1,200 แห่งของเขตที่ไม่ใช่ตัวเมืองได้มีการย้ายออกของประชากรโดยรวม 400,000 คน ตั้งแต่ปี 2010 และอีกราว 300,000 คนลดลงในเขตปกครอง 700 แห่ง และยังพบว่าท้องที่ซึ่งมีประชากรลดลงมากที่สุดนั้นพบอยู่ตามบริเวณพรมแดนระหว่างรัฐนอร์ทแคโรไลนา และรัฐเวอร์จิเนีย และในภาคตะวันตกของรัฐโอไฮโอ และทั่วเขตนิวอิงแลนด์
กระทรวงเกษตรสหรัฐฯ เผยว่า เมื่อเปรียบเทียบกับภาพการลดลงประชากรในเขตกันดารแล้ว พบว่ามีการเพิ่มของจำนวนประชากรชาวอเมริกันในแถบรัฐที่เป็นเทือกเขาทางตะวันตก รวมไปถึง ทางตะวันตกของรัฐโคโลราโด และรัฐไวโอมิง ตอนกลางของรัฐโอเรกอน และทางเหนือของรัฐไอดาโฮ
ปรากฏการณ์นี้นอกจากจะกระทบต่อการปกครองส่วนท้องถิ่นแล้ว ยังกระทบต่ออำนาจต่อรองของชาวอเมริกันในท้องถิ่นห่างไกลในแง่นโยบายของประเทศเมื่อเปรียบเทียบกับชาวอเมริกันที่อาศัยอยู่ในตัวเมือง ซึ่งทอม วิลแซค รัฐมนตรีเกษตรของสหรัฐฯชี้ว่า หากยังไม่มีการแก้ไขอย่างทันท่วงทีต่อปัญหาการลดลงของประชากรในถิ่นกันดาร อำนาจการต่อรองทางการเมืองทางด้านนโยบายของชาวอเมริกันกลุ่มนี้ที่ส่วนใหญ่เป็นเกษตรกรจะลดลงและหายไปในที่สุด ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมสภาคองเกรสจึงไม่ผ่านกฎหมายการเกษตร (Farm bill) ที่สำคัญมากในปี 2012 และพบว่าในช่วงการเลือกตั้งที่ผ่านมา มีจำนวนสมาชิกรัฐสภาสหรัฐฯมากกว่า 80% ที่ไม่ได้เป็นตัวแทนในเขตชนบทของสหรัฐฯ ซึ่งทำให้เป็นการยากในการผ่านกฎหมายหรือนโยบายใดๆที่สมาชิกผู้แทนราษฎรและวุฒิสมาชิกสหรัฐฯ ส่วนใหญ่ไม่เข้าใจในบทบาทของเกษตรกรอเมริกันที่แท้จริง