xs
xsm
sm
md
lg

จับ “สัญญาณเสียงใต้ทะเล” ได้รวม 3 ชุด เพิ่มความหวังที่จะพบ “กล่องดำ MH370”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ภาพที่ถ่ายโดยสำนักข่าวไชน่า นิว เซอร์วิส แสดงให้เห็น เรือตรวจการณ์ “ไห่ซุ่น 01” ของจีน ขณะปฏิบัติการค้นหาเครื่องบินโดยสารเที่ยวบิน MH370 ในบริเวณตอนใต้ของมหาสมุทรอินเดียเมื่อวันเสาร์ (5 เม.ย.) เรือของจีนลำนี้สามารถตรวจจับสัญญาณเสียงจากใต้ทะเลได้ 2 ชุดในวันศุกร์ (4) และวันเสาร์(5) ทำให้เกิดความหวังขึ้นมาใหม่เกี่ยวกับการตามหาเครื่องบินโบอิ้ง777 ที่สูญหายไปลำนี้
เอเจนซีส์ - สัญญาณเสียงจากใต้มหาสมุทรอินเดียที่เรือจีนและเรือออสเตรเลียสามารถตรวจจับได้รวม 3 ชุด ทำให้เกิดความหวังใหม่เมื่อวันอาทิตย์ (6 เม.ย.) ในการติดตามค้นหาเครื่องบินโดยสารเที่ยวบิน MH370 ซึ่งสูญหายไปร่วมเดือนแล้ว และทีมปฏิบัติการของนานาชาติก็รีบเร่งออกไปตรวจสอบยืนยันว่า สัญญาณเหล่านี้มาจากกล่องดำของเครื่องบินโบอิ้ง 777 ลำนี้ ซึ่งแบตเตอร๊ของมันกำลังจะหมดพลังงานอยู่แล้วใช่หรือไม่

พล.อ.อ.แองกัส ฮุสตัน อดีตผู้บัญชาการกองทัพออสเตรเลีย ซึ่งเป็นผู้ประสานงานการค้นหาเที่ยวบิน MH370 ของมาเลเซียแอร์ไลนส์ ที่หายไปตั้งแต่วันที่ 8 เดือนที่แล้ว แถลงยืนยันมื่อวันอาทิตย์ (6) ว่า เรือตรวจการณ์ไห่ซุ่น 01 ของจีนสามารถตรวจจับสัญญาณใต้น้ำที่มีความถี่เดียวกับความถี่ที่ใช้สำหรับกล่องดำของเครื่องบินรวมทั้งสิ้น 2 ครั้งๆ แรกในวันศุกร์ (4) โดยจับสัญญาณ “ping” จากกล่องดำได้ช่วงสั้นๆ และครั้งที่ 2 ในวันถัดมา (5) ในบริเวณห่างกัน 2 กิโลเมตร และจับสัญญาณได้นานขึ้นคือ 90 วินาที นอกจากนี้ จีนยังพบวัตถุสีขาวลอยอยู่ในบริเวณดังกล่าวด้วย

ฮุสตันสำทับว่า แม้เป็นความคืบหน้าสำคัญ แต่ยังไม่ควรด่วนตั้งความหวัง เนื่องจากการค้นหาอยู่ภายในอาณาบริเวณกว้างขวางมากและเป็นน่านน้ำที่มีความลึกถึง 4,500 เมตร จึงถือเป็นการค้นหาที่ท้าทายและต้องใช้ความสามารถสูงมาก รวมทั้งอาจต้องใช้ระยะเวลายาวนาน หากตรวจพบว่า เครื่องบินตกในแถบนี้

อดีตผู้บัญชาการกองทัพออสเตรเลียผู้นี้บอกด้วยว่า เรือเอชเอ็มเอส เอ็กโค ของอังกฤษที่ติดตั้งอุปกรณ์ตรวจจับกล่องดำขั้นสูงของอเมริกา ก็มุ่งหน้าไปยังบริเวณดังกล่าวแล้ว และจะไปถึงภายใน 1-2 วัน

เช่นเดียวกัน เรือโอเชียน ชิลด์ของกระทรวงกลาโหมออสเตรเลียที่ติดตั้งอุปกรณ์ค้นหากล่องดำไฮเทคของสหรัฐฯ มีกำหนดจะไปยังบริเวณดังกล่าว หลังจากตรวจสอบพื้นที่ที่เรือลำนี้เองตรวจพบสัญญาณ ping เช่นกัน แต่อยู่ในจุดซึ่งห่างจากแถบที่จีนพบไปทางเหนือราว 555 กิโลเมตร

ฮุสตันระบุว่า คณะค้นหาให้ความสำคัญอย่างมากกับการตรวจพบสัญญาณในทั้งสองบริเวณ ขณะที่แบตเตอรี่กล่องดำของ 370 กำลังจะหมดพลังงานลง โดยปกติแล้วแบตเตอรี่นี้จะอยู่ได้นาน 30 วันหลังจากเครื่องบินตก และปฏิบัติการค้นหาในวันอาทิตย์ก็ล่วงเข้าวันที่ 30 พอดี กระนั้น ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า บางทีแบตเตอรี่อาจอยู่ได้นานกว่านั้น 8-10 วัน

การค้นหาในวันอาทิตย์กลับมาเน้นที่ปลายสุดด้านใต้ของพื้นที่ค้นหาอีกครั้ง หลังจากข้อมูลจากดาวเทียมที่ได้รับการแก้ไขระบุว่า มีแนวโน้มมากขึ้นที่เครื่องบินจะมุ่งหน้าสู่บริเวณดังกล่าว

ปฏิบัติการในวันอาทิตย์ประกอบด้วยเครื่องบินทหาร 10 ลำ, เครื่องบินพลเรือน 2 ลำ และเรือ 13 ลำ แบ่งปฏิบัติการออกเป็น 3 พื้นที่ในบริเวณทั้งหมด 216,000 ตารางกิโลเมตรห่างจากชายฝั่งด้านตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองเพิร์ท, รัฐเวสเทิร์นออสเตรเลีย ราว 2,000 กิโลเมตร
เครื่องบินตรวจการณ์ทางทะเลแบบโอไรออน ของกองทัพอากาศออสเตรเลีย ทะยานขึ้นจากฐานทัพเพียร์ซ ใกล้ๆ เมืองเพิร์ท, รัฐเวสเทิร์นออสเตรเลีย เมื่อวันอาทิตย์ (6) เพื่อเข้าร่วมการปฏิบัติการค้นหาเที่ยวบิน MH370
นักวิเคราะห์หลายคนยินดีกับการตรวจพบสัญญาณ ping เช่นนี้ เป็นต้นว่า ระวิ มาดาวาราม นักวิเคราะห์การบินของบริษัทโฟรสต์ แอนด์ ซัลลิแวน ในกัวลาลัมเปอร์ที่ระบุว่า เครื่องบอกตำแหน่งฉุกเฉินในอุตสาหกรรมการบินและการเดินเรือส่วนใหญ่ใช้ความถี่ 37.5 เมกะเฮิรตซ์ ดังนั้น สัญญาณ ping ที่เรือจีนตรวจพบจึงมีแนวโน้มมาจาก 370

แต่บางคนเห็นว่า ควรต้องมีหลักฐานสนับสนุนมากกว่านี้ จึงจะดีใจกันได้

เกร็ก วัลดรอน บรรณิการบริหารไฟลต์โกลบัล ที่มีฐานในสิงคโปร์ ตั้งข้อสังเกตว่า ที่ผ่านมามีการแถลงข้อมูลที่ผิดพลาดออกมาหลายครั้งแล้ว ดังนั้น จึงควรใช้ความระมัดระวังอย่างสูงในการเปิดเผยข้อมูลใดๆ ต่อไป และตั้งข้อสงสัยการค้นพบสัญญาณของเรือจีนภายในเวลาอันสั้น ทั้งที่บริเวณค้นหากว้างขวางมาก

นอกจากนั้น ผู้เชี่ยวชาญบางคนยังแสดงความเห็นว่า อุปกรณ์โซนาร์มือถือของจีนที่เรียกว่า ไฮโดรโฟน หรืออุปกรณ์รับสัญญาณใต้น้ำนั้น มีความเป็นไปได้ในทางเทคนิคแต่มีแนวโน้มต่ำมากที่จะใช้ได้ผลในกรณีนี้

ขณะเดียวกันที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ญาติๆ ราว 2,000 คนได้ทำพิธีสวดมนตร์ใหญ่เพื่อขอให้ผู้โดยสารบนเที่ยวบิน 370 ปลอดภัย เนื่องจากหลายคนยังมีความหวังตราบที่ยังไม่พบซากเครื่องบิน

ทางการมาเลเซียนั้นเชื่อว่า ข้อมูลดาวเทียมบ่งชี้ว่า 370 ตกในมหาสมุทรอินเดียหลังออกนอกเส้นทางอย่างตั้งใจด้วยเหตุผลที่ยังไม่อาจทราบได้

ในส่วนการสืบสวนทางอาชญากรรมนั้น มุ่งเน้นความเป็นไปได้ทั้งในการจี้เครื่องบิน ก่อวินาศกรรม หรือปัญหาทางจิตในหมู่ผู้โดยสารและลูกเรือ แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่พบหลักฐานสนับสนุนทฤษฎีเหล่านี้

วันเสาร์ที่ผ่านมา ฮิชามมุดดิน ฮุสเซน รัฐมนตรีกลาโหมและรักษาการรัฐมนตรีคมนาคมของมาเลเซียแถลงว่า ได้เริ่มทำการสอบสวนกรณีการสูญหายของ 370 อย่างเป็นทางการแล้ว โดยมีผู้เชี่ยวชาญจากออสเตรเลีย อเมริกา จีน อังกฤษ และฝรั่งเศสร่วมด้วย

การสอบสวนจะประกอบด้วย 3 กลุ่มๆ แรกตรวจสอบบันทึกการซ่อมบำรุง โครงสร้าง และระบบต่างๆ ของเครื่องบิน กลุ่มที่ 2 ศึกษาอุปกรณ์บันทึกการบิน ปฏิบัติการ และสภาพอากาศ และกลุ่มที่ 3 เน้นปัจจัยทางการแพทย์และมนุษย์คือด้านจิตวิทยา พยาธิวิทยา และความอยู่รอด

ปกติแล้ว การสอบสวนเกี่ยวกับความปลอดภัยในการบินจะเริ่มขึ้นหลังจากค้นพบซากเครื่องบินเท่านั้น และขณะนี้มีความกังวลว่า การสอบสวนอย่างไม่เป็นทางการของมาเลเซีย ขาดหลักการทางกฎหมายในการสอบสวนอย่างเป็นทางการภายใต้กฎของสหประชาชาติรองรับ

ภายใต้กฎขององค์กรการบินพลเรือนระหว่างประเทศนั้น ประเทศที่ขึ้นทะเบียนเครื่องบินที่ประสบอุบัติเหตุ จะเป็นผู้นำในการสอบสวน หากกรณีที่เหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นในน่านน้ำสากล
ผู้คนถือเทียนล้อมรอบแผ่นป้ายที่เขียนข้อความว่า “สวดมนตร์ให้แก่ MH370” ภายหลังพิธีสวดมนตร์ทางพุทธศาสนาแด่ผู้ที่อยู่บนเครื่องบินโดยสารซึ่งสูญหายไปลำนี้  พิธีนี้จัดขึ้นที่สำนักงานใหญ่ของสมาคมชาวจีนมาเลเซีย ในกรุงกัวลาลัมเปอร์เมื่อวันอาทิตย์ (6 เม.ย.)
ชาวพุทธมาเลเซียสวดมนตร์แด่ผู้ที่อยู่บนเที่ยวบิน MH370 ในพิธีซึ่งจัดขึ้นที่สำนักงานใหญ่ของสมาคมชาวจีนมาเลเซีย ในกรุงกัวลาลัมเปอร์เมื่อวันอาทิตย์ (6 เม.ย.)
เทียนที่ประดับอยู่ในพิธีสวดมนตร์ทางพุทธศาสนาแด่ผู้ที่อยู่บนเที่ยวบิน MH 370
กำลังโหลดความคิดเห็น