“ปูติน” ย้ำกับ “โอบามา” รัสเซียจะไม่รุกรานดินแดนอื่นของยูเครนเพิ่ม หลังผนวกไครเมีย

เอเจนซี - รัสเซียให้คำมั่นในวันเสาร์ (29 มี.ค.) จะไม่รุกรานดินแดนส่วนอื่นของยูเครนเพิ่มเติม นอกเหนือจากการผนวกไครเมีย พร้อมแสดงความหวังว่าวิกฤตความตึงเครียดระหว่างมอสโก-เคียฟ จะคลี่คลายได้ด้วยสันติวิธี

รายงานข่าวที่มีการเผยแพร่ในวันเสาร์ (29) ระบุว่า ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ได้ยืนยันกับประธานาธิบดีบารัค โอบามา ผู้นำสหรัฐฯ ระหว่างการต่อสายตรงโทรศัพท์ถึงกันในคืนวันศุกร์ (28) โดยให้คำมั่นว่ารัสเซียจะไม่เดินหน้าผนวกดินแดนส่วนอื่นๆ ของยูเครนอีก หลังทำการผนวกสาธารณรัฐปกครองตนเองไครเมีย พร้อมย้ำรัสเซียต้องการหาทางออกร่วมกันอย่างสันติเพื่อคลี่คลายวิกฤตความตึงเครียดระหว่างเคียฟและมอสโก ตลอดจนความตึงเครียดกับโลกตะวันตกที่เข้าสู่ระดับที่เลวร้ายที่สุดนับแต่ยุคสงครามเย็น

ด้าน บัน คีมูน เลขาธิการใหญ่องค์การสหประชาชาติ ออกมาเปิดเผยต่อผู้สื่อข่าวว่า ประธานาธิบดีปูตินแห่งรัสเซียได้ให้คำมั่นกับเขาที่กรุงมอสโกเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา โดยระบุว่ารัสเซียไม่มีความมุ่งหมายที่จะเดินหน้ามาตรการทางทหารใดๆต่อยูเครน หลังจากการผนวกไครเมีย

อย่างไรก็ดี คำมั่นของประธานาธิบดีปูตินต่อผู้นำสหรัฐฯ กลับถูกตั้งคำถามถึงความจริงใจของมอสโกในการสร้างสันติ หลังเซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซียออกมาเปิดเผยในวันเสาร์ (29) โดยระบุว่า หากจะมีการเจรจาระหว่างรัสเซียและยูเครนเกิดขึ้นในอนาคต รัฐบาลมอสโกต้องการให้รัฐบาลเคียฟให้คำมั่นว่าจะไม่เข้าร่วมกับองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ที่ถือเป็น “หนามยอกอก” ทางด้านความมั่นคงของรัสเซียมาช้านาน ซึ่งแน่นอนว่าเงื่อนไขดังกล่าวของรัสเซีย ขัดต่อความมุ่งหมายของรัฐบาลใหม่ของยูเครนที่มีจุดยืน “โปรตะวันตก” และต้องการเข้าร่วมเป็นสมาชิกของทั้งสหภาพยุโรป (อียู) รวมถึงนาโต

รัฐมนตรีต่างประเทศของรัสเซีย ยังเรียกร้องให้ยูเครนเร่งสร้างระบอบการปกครองใหม่ ที่ให้ความเท่าเทียมกับทุกฝ่ายในประเทศ รวมถึงกลุ่มประชากรเชื้อสายรัสเซียทางภาคตะวันออกและภาคใต้ของยูเครนด้วย

“เรามิอาจยอมรับได้ หากยูเครนจะกลายเป็นสมาชิกของนาโต และรัสเซียต้องการเห็นระบอบการปกครองที่เคารพต่อผลประโยชน์ของทุกๆ คนในยูเครน เรามองไม่เห็นทางออกอื่นใดที่จะนำไปสู่การสร้างสันติที่ยั่งยืนในยูเครน นอกเหนือจากแนวทางนี้” ลาฟรอฟกล่าวผ่านสถานีโทรทัศน์ของรัฐบาลแดนหมีขาว

ในอีกด้านหนึ่งมีรายงานซึ่งอ้างรัฐบาลยูเครนว่าขณะนี้รัสเซียส่งกำลังทหารจำนวนกว่า 100,000 นายเข้าประชิดพรมแดนรอบยูเครนแล้ว และพร้อมเปิดฉากรุกรานอธิปไตยของยูเครนทุกเมื่อ แม้สหรัฐฯ และอียูจะประกาศบังคับใช้มาตรการคว่ำบาตรต่อเจ้าหน้าที่ระดับสูงของมอสโก ท่ามกลางความกังวลของหลายฝ่ายถึงผลกระทบทางเศรษฐกิจที่อาจขยายวงกว้างจากผลพวงของวิกฤตในยูเครนและการผนวกไครเมีย