เอเอฟพี/รอยเตอร์ - เกิดเหตุโคลนถล่มบริเวณเทือกเขาใกล้กับเมืองซีแอตเติล รัฐวอชิงตันของสหรัฐฯ ส่งผลให้ชาวบ้านเสียชีวิตอย่างน้อย 4 ราย และยังสูญหายอีก 18 คน เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นรายงานวานนี้ (23 มี.ค.)
ตำรวจและพนักงานดับเพลิงซึ่งเข้าไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยระบุว่า มีชาวบ้านบาดเจ็บ 8 ราย และหนึ่งในนั้นเป็นเพียงทารกวัย 6 เดือน หลังโคลน, น้ำ และหินไหลถล่มลงมาทับบ้านเรือนประชาชนในเมืองโอโซ (Oso) ซึ่งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของนครซีแอตเติลเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (22) เหตุดินถล่มครั้งนี้ยังสร้างความเสียหายต่อถนนหลวง และบ้านเรือนอีก 6 หลัง
“เราได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างเต็มกำลังความสามารถ” เจย์ อินสลี ผู้ว่าการรัฐวอชิงตันซึ่งได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ดังกล่าว ให้สัมภาษณ์ต่อ พร้อมระบุว่าได้ส่งทั้งเฮลิคอปเตอร์, เรือโฮเวอร์คราฟต์ และหน่วยกู้ภัย ไปถึงจุดเกิดเหตุแล้ว
ชารี ไอร์ตัน โฆษกหญิงประจำเทศมณฑลสโนโฮมิช บอกกับเอเอฟพีว่า “เรายืนยันได้ว่ายังมีชาวบ้านในพื้นที่สูญหายอีก 18 คน แต่ยังไม่สามารถระบุตัวตนได้”
ปฏิบัติการค้นหาผู้รอดชีวิตนับว่ายากลำบากพอสมควร เนื่องจากพื้นดินที่อุ้มน้ำนั้นยังไม่เสถียร และทำให้เจ้าหน้าที่ต้องเสี่ยงต่อการถูกดินถล่มลงมาทับ
ผู้ว่าการรัฐวอชิงตันเผยว่า “หน่วยกู้ภัยบางคนที่เข้าไปช่วยชาวบ้านยังจมลงไปในโคลนถึงรักแร้” และต้องให้เพื่อนร่วมทีมช่วยกันดึงขึ้นมา
โรบิน ยังบลัด หนึ่งในผู้รอดชีวิต เผยต่อหนังสือพิมพ์ซีแอตเติลไทม์สว่า “จู่ๆ ก็มีกำแพงโคลนไหลลงมา... หนาประมาณ 25 ฟุต (8 เมตร) เห็นจะได้”
เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งผู้เสียชีวิต 3 รายหลังเกิดเหตุเพียงไม่กี่ชั่วโมง และเมื่อวานนี้ (23) ผู้ปกครองเทศมณฑลสโนโฮมิชก็แถลงผ่านทวิตเตอร์ว่า ยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็น 4 ราย
พื้นที่แถบเทือกเขาแคสเคดมีฝนตกหนักตลอด 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยพยากรณ์อากาศระบุว่าฝนจะลดลงเล็กน้อยในวันอาทิตย์ (23) แต่จะมีฝนระลอกใหม่มาอีกตลอดทั้งสัปดาห์นี้