รอยเตอร์/เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - รัฐมนตรีกลาโหมโปแลนด์ ออกโรงเรียกร้องในวันเสาร์ (22) ขอให้สหรัฐฯเพิ่มกำลังทหารอเมริกันในโปแลนด์และประเทศอื่นๆ ทั้งในยุโรปตอนกลางและยุโรปตะวันออก เพื่อรับมือกับภัยคุกคามจากรัสเซีย หวั่นเกิดสถานการณ์ร้อนฉ่าด้านความมั่นคงซ้ำรอย “วิกฤตยูเครน”
ทอมาช ซีมอเนียค รัฐมนตรีกลาโหมโปแลนด์ เผยในวันเสาร์ (22) ผ่านสถานีวิทยุอาร์เอ็มเอฟ เอฟเอ็มโดยระบุ รัฐบาลสหรัฐฯภายใต้การนำของประธานาธิบดี บารัค โอบามา ควรพิจารณาเพิ่มกำลังทหารอเมริกันในยุโรป โดยเฉพาะในภูมิภาคยุโรปกลางและยุโรปตะวันออกเพื่อรับมือกับภัยคุกคามด้านความมั่นคงจากรัสเซีย หลังจากที่รัฐบาลรัสเซียโดยประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน ทำการละเมิดอธิปไตยของยูเครน และผนวกดินแดนสาธารณรัฐปกครองตนเองไครเมียของยูเครนเข้าเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซีย
นอกเหนือจากการเสนอให้สหรัฐฯเพิ่มกำลังทหารในยุโรปกลางและยุโรปตะวันออกแล้ว รัฐมนตรีกลาโหมโปแลนด์ยังระบุว่า การแทรกแซงทางทหารของรัสเซียที่เกิดขึ้นในยูเครน ได้สร้างความกังวลให้กับรัฐบาลและประชาชนของประเทศต่างๆ ในภูมิภาค ที่ต่างต้องการหารือกับสหรัฐฯในระดับที่เข้มข้นยิ่งขึ้นในประเด็นด้านความมั่นคง ซึ่งรวมถึงความเป็นไปได้ในการตั้ง “ฐานทัพสหรัฐฯ” อย่างถาวรในภูมิภาค
ท่าทีล่าสุดของรัฐมนตรีกลาโหมโปแลนด์มีขึ้นหลังจากรองประธานาธิบดี โจ ไบเดนของสหรัฐฯ เดินทางเยือนโปแลนด์ในสัปดาห์ที่ผ่านมา และยืนยันว่า สหรัฐฯมีแผนติดตั้งระบบป้องกันการโจมตีจากขีปนาวุธในโปแลนด์ภายในปี 2018 ทั้งยังเข้าพบหารือกับประธานาธิบดี บรอนิสลาฟ คอมอรอฟสกี และนายกรัฐมนตรี โดนัลด์ ทุสก์ แห่งโปแลนด์
การผนวกไครเมียของรัฐบาลรัสเซีย ได้สร้างความวิตกให้กับบรรดาชาติสมาชิกองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต) โดยเฉพาะสมาชิกที่เคยอยู่ในค่ายคอมมิวนิสต์ในยุโรปตะวันออกมาก่อน ส่งผลให้รัฐบาลสหรัฐฯต้องออกมาให้คำมั่นว่า จะปกป้องสมาชิกนาโตจากภัยคุกคามจากรัสเซีย
ทั้งนี้ โปแลนด์เคยตกอยู่ใต้อิทธิพลของสหภาพโซเวียตในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เช่นเดียวกับประเทศอื่นๆ ในยุโรปตะวันออก แต่โปแลนด์ถือเป็นหนึ่งในประเทศแรกๆในภูมิภาคที่เกิดการต่อต้านและล้มล้างระบอบการปกครองของรัฐบาลคอมมิวนิสต์เมื่อปี 1989
โดยโปแลนด์ซึ่งมีพรมแดนติดต่อกับทั้งยูเครนและรัสเซีย ได้เข้าเป็นสมาชิกนาโตอย่างเป็นทางการตั้งแต่ปี 1999