xs
xsm
sm
md
lg

อนาคตของ “ยูเครน” และ ฝันหวานเป็นเจ้าโลกของ “สหรัฐฯ”

เผยแพร่:   โดย: เดอะ เซกเกอร์

อนาคตของ “ยูเครน” และ ฝันหวานเป็นเจ้าโลกของ “สหรัฐฯ”
(ฝันหวานเป็นเจ้าโลกของสหรัฐฯตายสนิทใน 'ไครเมีย' ตอน5)
โดย เดอะ เซกเกอร์

(เก็บความจากเอเชียไทมส์ออนไลน์ www.atimes.com)

Death throes of world supremacy
By THE SAKER
18/03/2014

นอกเหนือจากการเดินพาเหรดในชุดเครื่องแบบของพวกขวาจัดที่ต้องการเป็นนาซี, การรับเงินรับทองจากสหรัฐฯ, และการกรีดร้องตะโกนคำขวัญว่า “ยูเครนจงเจริญ!” ยังมีอะไรที่ต้องทำกันอีกมากมายนักในการสร้างชาติที่ล้มละลายไปแล้วให้พลิกฟื้นขึ้นมาใหม่ ทว่าสหรัฐฯนั่นเองที่ช่วยให้ยูเครนก้าวเข้าสู่สถานการณ์อันบ้าบอคอแตกเช่นนี้ เพราะนโยบายการต่างประเทศของวอชิงตันนั้นไม่ได้ดำเนินโดยเหล่านักการทูต ทว่ารับผิดชอบโดยเหล่านักการเมือง ผู้ซึ่งหวั่นหวาดสัญญาณต่างๆ ที่แสดงให้เห็นว่าสหรัฐฯมิได้เป็นอภิมหาอำนาจหนึ่งเดียวของโลกอย่างแท้จริงอีกแล้ว และความหวาดกลัวเช่นนี้เองที่ทำให้พวกเขามองเห็นไปว่า การทำให้ยูเครนตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ คือเป้าหมายที่ทรงความสำคัญในลำดับต้นๆ

*ข้อเขียนชิ้นนี้แบ่งเป็น 5 ตอน นี่คือตอน5 ซึ่งเป็นตอนจบ *

(ต่อจากตอน4)

**การครอบงำโลกได้อย่างสมบูรณ์คือเรื่องในอดีตที่ผ่านไปแล้ว
และทุกๆ คนต่างก็ทราบดี**


มี 2 สิ่งซึ่งแน่นอนแล้วในเวลานี้ ประการแรก ไครเมียตอนนี้ได้กลับคืนไปอยู่กับรัสเซีย และไม่มีอะไรที่จะเปลี่ยนแปลงเรื่องนี้ได้ ประการที่สอง ความพยายามที่จะเปลี่ยนยูเครนให้กลายเป็น “บันเดราสถาน” (Banderastan) จะต้องประสบความล้มเหลว ถึงแม้ยังคงมีรายงานออกมาเป็นประจำว่า กองทหารของพวกนิยมบันเดราสถานกำลังถูกเคลื่อนย้ายไปทางพื้นที่ “ดอนบาสส์” (Donbass พื้นที่แถบลุ่มแม่น้ำโดเน็ตส์ ตั้งอยู่ทางด้านตะวันออกของยูเครน) แต่โดยส่วนตัวแล้วผมมองไม่เห็นเลยว่า ระบอบปกครองที่กุมอำนาจอยู่ในกรุงเคียฟเวลานี้ จะสามารถบดขยี้กระแสการประท้วงในปัจจุบันในภาคตะวันออกและภาคใต้ของยูเครนได้ นอกจากนั้นแล้ว ทันทีที่เศรษฐกิจของยูเครน ต้องถึงกาลล่มสลายลงอย่างเป็นทางการ (ถึงแม้ตามรายงานบนแผ่นกระดาษจะระบุว่ายังคงพอมีอะไรหลงเหลืออยู่บ้างก็ตามที) ระบอบปกครองใหม่ก็จะต้องรับมือกับประเด็นปัญหาที่บีบคั้นยิ่งกว่าเรื่องการจัดการกับการประท้วงมากมายนักหนา

เมื่อเวลาผ่านพ้นไปจนถึงบางจุด ผมยังคาดหมายว่าสหรัฐอเมริกากับรัสเซียจะสามารถมักคุ้นสนิทสนมกันได้ และตกลงเห็นพ้องกันถึงวิธีการลับๆ ในการขับไสพวกบ้าบอคอแตกที่เป็นกลุ่มฮาร์ดคอร์ของกลุ่มนิยมบันเดราซึ่งกำลังอยู่ในอำนาจเวลานี้ แล้วจากนั้นก็จะมีการสร้างระบอบปกครองชนิดที่วางตัวเป็นกลางและทำตัวมีอารยธรรมขึ้นมา รวมทั้งจะมีการสถาปนา “สหพันธรัฐยูเครน” (Ukrainian Confederation) แต่ถ้าหากพวกที่ครองอำนาจในกรุงเคียฟเวลานี้ ยังคงไม่ยอมถอยและยืนกรานที่จะปกครองบ้านเมืองต่อไปแล้ว หลายๆ ส่วนของภาคตะวันออกและภาคใต้ของยูเครน ก็จะติดตามเจริญรอยตัวอย่างของไครเมียและเข้าไปผนวกรวมกับรัสเซีย หนทางที่ยูเครนจะแตกแยกออกเป็น 2 ส่วนชั่วระยะเวลาหนึ่ง ทำนองเดียวกับที่เคยเกิดขึ้นกับไซปรัสนั้น ก็เป็นเรื่องที่เป็นไปได้ ผมขอพูดด้วยความจริงใจเลยว่า ผมไม่สามารถจินตนาการได้หรอกว่าจะมีใครที่ไหนซึ่งบ้าบอคอแตกพอที่จะยั่วยุให้กองทหารรัสเซียเคลื่อนเข้าสู่ภาคตะวันออกหรือภาคใต้ของยูเครน ส่วนในระยะยาวแล้ว น่าจะเป็นเรื่องที่ดีกว่าสำหรับทุกๆ ฝ่าย ถ้าหากยูเครนจะได้รับอนุญาตให้แตกออกเป็น 2 ส่วน หรือ 3 ส่วน อันได้แก่ ส่วนตะวันตก ซึ่งมีอิทธิพลแบบละตินและปกครองโดยพวกฟาสซิสต์ใหม่, อีกส่วนหนึ่งซึ่งเป็นพวกที่พูดภาษารัสเซีย เป็นส่วนที่อาจจะเข้าร่วมอยู่ในสหภาพยูเรเชีย (Eurasian Union) หรือกระทั่งเข้าผนวกรวมเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซียไปเลย, นอกจาก 2 ส่วนนี้แล้ว มีความเป็นไปได้ที่อาจจะมีส่วนที่เป็นอิสระอีกส่วนหนึ่งทางภาคใต้ อย่างไรก็ตาม ความฝันที่จะมียูเครนซึ่งสามัคคีรวมตัวกันเป็นพื้นที่ขนาดใหญ่ และปกครองโดยนักชาตินิยมที่หวาดกลัวรัสเซียนั้น จะไม่เกิดขึ้นมาหรอก –ทางเลือกนี้จะลับหายไปตลอดกาล

**จักรวรรดิสหรัฐฯที่เป็นพวกแองโกล-ไซออนนิสต์ จะเป็นอย่างไรต่อไป**

ในทางภายนอกแล้วจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปสักเท่าไรหรอก มันจะดำเนินไปเหมือนกับที่ผ่านๆ มาแล้ว ไม่ว่ารัสเซียหรือจีนต่างก็จะไม่ทำอะไรอย่างหุนหันพลันแล่นเพื่อยั่วยุสหรัฐอเมริกา ซึ่งก็จะมีฐานะแบบเดียวกับรัสเซียแห่งยุคทศวรรษ 1950 นั่นคือจะยังคงเป็นอภิหาอำนาจนิวเคลียร์ และเป็นมหาอำนาจทางทหารรายสำคัญรายหนึ่งบนพื้นพิภพนี้ซึ่งไม่มีประเทศไหนกล้ามองเมินไม่แยแส

อย่างไรก็ตาม มายาภาพที่ว่าสหรัฐฯมีอำนาจพลานุภาพอันเหลือคณานับ เวลานี้จบสิ้นลงไปตลอดกาลแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น ยุโรปจะต้องแบกรับผลพวงต่อเนื่องอันหนักหน่วงร้ายแรงจากความพยายามที่จะบริหารจัดการปรับเปลี่ยน บันเดราสถาน อย่างช้าๆ เพื่อให้มันกลายเป็นอะไรที่สมเหตุสมผลและไม่ทำให้ใครรู้สึกว่าถูกคุกคาม อียูยังจะจมลึกลงไปในวิกฤตทางเศรษฐกิจและวิกฤตทางสังคมมากยิ่งขึ้นกว่าเดิมอีก และวิกฤตกรณีอื่นๆ บางกรณีจะแย่งพื้นที่และเข้าแทนที่ยูเครนในพาดหัวข่าวของสื่อ

เมื่อมองดูจากภายนอกแล้ว แทบจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรเลย แต่ถ้าหากจะปรับปรุงบทสรุปของผมเกี่ยวกับสงคราม 08.08.08 ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ในฤดูหนาวนี้แล้ว ก็จะต้องพูดว่า ยังจะต้องใช้เวลาอีกยาวนานระยะหนึ่งทีเดียวกว่าที่ฝ่ายตะวันตกจะตระหนักรับรู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมานั้นจริงๆ แล้วคืออะไรกันแน่ และบางทีพวก “บัณฑิต”รวมทั้งนักการเมืองผู้ทึ่มทื่อที่สุด อาจจะยังคงจ่อมจมไปตลอดกาลอยู่กับถ้อยคำโวหารซึ่งคิดว่าตนเองเท่านั้นคือฝ่ายที่ถูกต้องชอบธรรม ทว่าสำหรับเหล่านักประวัติศาสตร์แล้ว พวกเขาน่าที่จะมองย้อนหลังมาที่เดือนกุมภาพันธ์แห่งปี 2014 ในฐานะที่เป็นจังหวะเวลาซึ่งรัสเซียประสบความสำเร็จในการตอบโต้มหาอำนาจที่เป็นการรวมตัวกันของสหรัฐอเมริกาและยุโรป และก็ได้รับชัยชนะด้วย

เดอะ เซกเกอร์ เป็นชื่อของบล็อกเกอร์ซึ่งไม่ปรากฏนามจริง โดยเขียนประจำอยู่ที่บล็อก The Vineyard of the Saker (http://vineyardsaker.blogspot.com/) นอกจากนั้นยังเขียนให้แก่เอเชียไทมส์ออนไลน์อยู่เป็นระยะๆ
(ข้อเขียนชิ้นนี้มี 5 ตอน
ตอน 1 ประชามติ 'ไครเมีย' และ พวกขวาจัด 'ยูเครน' ที่สหรัฐฯหนุนหลัง
ตอน2 ยูเครนสำคัญอย่างไรในเป้าหมายทั่วโลกของสหรัฐฯ
ตอน3 “ความไม่เอาไหน”ของสหรัฐฯปลุก “ชาตินิยม”รัสเซีย
ตอน4 จักรวรรดิอเมริกัน “เสียท่า” ครั้งใหญ่
ตอน5 อนาคตของ “ยูเครน” และ ฝันหวานเป็นเจ้าโลกของ “สหรัฐฯ”)
กำลังโหลดความคิดเห็น