xs
xsm
sm
md
lg

“ความไม่เอาไหน”ของสหรัฐฯ ปลุก “ชาตินิยม”รัสเซีย

เผยแพร่:   โดย: เดอะ เซกเกอร์

“ความไม่เอาไหน”ของสหรัฐฯ ปลุก “ชาตินิยม”รัสเซีย
(ฝันหวานเป็นเจ้าโลกของสหรัฐฯตายสนิทใน 'ไครเมีย' ตอน3)
โดย เดอะ เซกเกอร์

(เก็บความจากเอเชียไทมส์ออนไลน์ www.atimes.com)

Death throes of world supremacy
By THE SAKER
18/03/2014

นอกเหนือจากการเดินพาเหรดในชุดเครื่องแบบของพวกขวาจัดที่ต้องการเป็นนาซี, การรับเงินรับทองจากสหรัฐฯ, และการกรีดร้องตะโกนคำขวัญว่า “ยูเครนจงเจริญ!” ยังมีอะไรที่ต้องทำกันอีกมากมายนักในการสร้างชาติที่ล้มละลายไปแล้วให้พลิกฟื้นขึ้นมาใหม่ ทว่าสหรัฐฯนั่นเองที่ช่วยให้ยูเครนก้าวเข้าสู่สถานการณ์อันบ้าบอคอแตกเช่นนี้ เพราะนโยบายการต่างประเทศของวอชิงตันนั้นไม่ได้ดำเนินโดยเหล่านักการทูต ทว่ารับผิดชอบโดยเหล่านักการเมือง ผู้ซึ่งหวั่นหวาดสัญญาณต่างๆ ที่แสดงให้เห็นว่าสหรัฐฯมิได้เป็นอภิมหาอำนาจหนึ่งเดียวของโลกอย่างแท้จริงอีกแล้ว และความหวาดกลัวเช่นนี้เองที่ทำให้พวกเขามองเห็นไปว่า การทำให้ยูเครนตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ คือเป้าหมายที่ทรงความสำคัญในลำดับต้นๆ

*ข้อเขียนชิ้นนี้แบ่งเป็น 5 ตอน นี่คือตอน3 *

(ต่อจากตอน2)

**“ความไม่เอาไหน”ของสหรัฐฯกลับส่งผลปลุก “กระแสรักชาติ” ในรัสเซีย**

ย้อนหลังไปในเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว ผมได้เขียนถึงเรื่องประชากรในยูเครนที่เป็นคนพูดภาษารัสเซียเอาไว้ (ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://vineyardsaker.blogspot.com/2013_11_01_archive.html) ดังนี้:

“ผู้คนเหล่านี้ไม่มีวิสัยทัศน์, ไม่มีอุดมการณ์, ไม่มีเป้าหมายอนาคตที่สามารถระบุแจกแจงได้อย่างชัดเจน ทั้งหมดที่พวกเขาสามารถเสนอออกมาได้ก็คือข้อความประการหนึ่ง ซึ่งโดยเนื้อหาสาระแล้ว บอกว่าอย่างนี้ “เราไม่มีทางเลือกอะไรอื่นอีกแล้วนอกจากการขายตัวให้แก่ชาวรัสเซียผู้ร่ำรวย ซึ่งย่อมดีกว่าการขายตัวให้แก่ชาวยุโรปผู้ยากจน” หรือ “ทั้งหมดที่พวกเราสามารถเอาออกมาจากอียูคือคำพูด ในขณะที่ฝ่ายรัสเซียต่างหากที่กำลังเสนอเงินทอง” นี่ย่อมเป็นความจริง กระนั้นก็ตาม ถ้าหากจะให้พูดจาตำหนิติเตียนอย่างเบาหวิวที่สุด ก็ยังคงต้องบอกว่า ข้อความนี้ช่างขาดไร้แรงบันดาลใจ ช่างขาดไร้สง่าราศีเป็นอย่างยิ่ง”

อีก 1 เดือนต่อมา ผมเขียนเพิ่มเติมดังนี้:

“ชาวรัสเซีย 17 ล้านเหล่านี้ และชาวยูเครนที่นิยมฝักใฝ่รัสเซียอีกหลายล้านคน เวลานี้กำลังทำอะไรกันอยู่? ตอนนี้ประเทศชาติของพวกเขากำลังถูกผลักดันอย่างตรงไปตรงมาจนกระทั่งใกล้จะตกหน้าผาแล้ว แต่พวกเขายังคงไม่ได้ลงมือทำอะไรกันเลย มีธงชาติรัสเซียกี่ผืนกันที่คุณมองเห็นได้ในการชุมนุมเดินขบวนครั้งต่างๆ ในยูเครนตะวันออก ไม่ว่าจะในเมืองโดเนตสก์ (Donetsk) หรือในเมืองเซวาสโตโปล (Sevastopol)? ครับ ถูกต้องแล้วครับ 0 ผืนครับ แม้กระทั่งพวกที่เรียกกันว่า “ชาวรัสเซีย” และ “พวกนิยมรัสเซีย” ก็ยังกำลังเดินขบวนภายใต้การโบกสะบัดของผืนธงสีเหลือง-ฟ้า ซึ่งเป็นสีของยูเครนตะวันตก สีของแคว้นกาลีเซีย (Galicia) พวกคุณพูดว่าเวลานี้ประเด็นที่กำลังเป็นเดิมพันเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายอยู่คือประเด็นทางด้านศีลธรรมและทางด้านจิตวิญญาณ –แต่พวกคุณเคยได้ยินชาวยูเครนตะวันออกหยิบยกชูประเด็นอย่างนี้ขึ้นมาไหม? พวกเขาเคยไหมที่จะพูดถึงท่านนักบุญเป็นพันเป็นหมื่นท่านผู้ซึ่งมีชีวิตอยู่ในดินแดนอันศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้? พวกเขาเคยไหมที่จะอ้างอิงถึงชาวรัสเซียหลายล้านคนผู้พลีชีพไปในการปลดปล่อยดินแดนแห่งนี้ให้เป็นอิสระจากชาวโปแลนด์, พวกเยซูอิต, และพวกชาวยิวผู้ควบคุมดูแล ซึ่งถูกแต่งตั้งมาให้คอยควบคุมชาวคริสเตียนออร์โธด็อกซ์? ไม่เคยเลย ไม่มีเลย ทั้งหลายทั้งปวงที่พูดๆ กันก็มีแต่เรื่องของเงิน เงิน และเงิน เท่านั้น อย่างเช่นว่า “เราจะยากจนถ้าอยู่กับอียู อยู่กับรัสเซียนั้นธุรกิจของเราจะเฟื่องฟู” --นี่แหละคือแนวความคิดของพวกเขาเกี่ยวกับจิตวิญญาณ พวกนิยมรัสเซียในยูเครนหรือ? เฮอะ ผมขอถามพวกคุณอย่างนี้ก็แล้วกัน เมื่อตอนที่ทราบกันว่ามีอาสาสมัครชาวยูเครนไปสู้รบเคียงข้างพวกมุสลิมวะฮาบีชาวเชชเนียน่ะ คุณเคยเห็นมีการประท้วงอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ในยูเครนไหม? หรือเมื่อตอนที่รัฐบาลยูเครนกำลังติดอาวุธตั้งแต่หัวจรดเท้าให้แก่ ซาคัชวีลิ (หมายเหตุผู้แปล - หมายถึง มีเคอิล ซาคัชวีลิ Mikheil Saakashvili นักการเมืองนิยมนาโต้และนิยมตะวันตกซึ่งเข้าดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีของจอร์เจีย ตั้งแต่เดือนมกราคม 2004 ถึง พฤศจิกายน 2013 --ข้อมูลจาก wikipedia) คุณได้เห็นมีการประท้วงอะไรในยูเครนไหม? ไม่เคยเลย ไม่มีเลย คำว่า “นิยมรัสเซีย” ในเวอร์ชั่นของพวกเขาหมายความเพียงว่า “พวกเราชอบเงินของรัสเซีย” พวกเขาไม่ได้นิยมรัสเซียหรอก พวกเขานิยมเงินรูเบิลของรัสเซียต่างหาก!”

เมื่อคิดย้อนไปถึงตอนนั้น ที่ผมเคยพูดเอาไว้นั้น ผมพูดผิดหรือเปล่า? ไม่ผิดเลย นี่เป็นความเป็นจริงอันน่าเศร้าใจในตอนนั้น สิ่งที่บังเกิดขึ้นมาจริงๆ ในระยะหลังๆ มานี้ก็คือ เพียงช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาประชากรชาวรัสเซียซึ่งเป็นพวกที่เอาแต่นิ่งเฉยแทบไม่ยอมขยับเขยื้อนอะไรเลยนั้น ได้ผ่าน “การบำบัดรักษาด้วยการช็อกไฟฟ้า” (shock-therapy) อย่างเหี้ยมโหดทารุณ ซึ่งได้ทำให้พวกเขาตื่นฟื้นขึ้นมาจากอาการมึนงงกึ่งสลบ ที่เกิดขึ้นเนื่องจากถูกกล่อมเกลาด้วยการโฆษณาชวนเชื่อของพวกนักชาตินิยมยูเครนเป็นระยะเวลา 22 ปี ผสมผสานกับการที่ทางรัสเซียเองก็นิ่งเงียบไม่เอ่ยถึงพวกเขาเอาเสียเลย ผู้คนพูดภาษารัสเซียเหล่านี้ซึ่งเมื่อก่อนเป็น “มนุษย์ล่องหน” ราวกับไม่มีตัวตน จู่ๆ ก็กลับตื่นฟื้นขึ้นมา

เรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นมาได้อย่างไร?

ประการแรก เนื่องจากมีการแสดงที่แปลกๆ เพี้ยนๆ ของนาซี รอบๆ จัตุรัสเมดาน (Maidan square) ในกรุงเคียฟ ซึ่งไม่ช้าไม่นานก็ยกระดับความรุนแรงขึ้นเป็นการก่อกบฏด้วยกำลังอาวุธ ครั้นแล้วเมื่อ (ประธานาธิบดี วิกตอร์) ยานูโควิช ถูกโค่นล้มลงไปในที่สุด การตัดสินใจแรกๆ ที่สุดของระบอบปกครองใหม่ในกรุงเคียฟก็คือ การออกกฎหมายยกเลิกการใช้ภาษารัสเซียเป็นภาษาราชการภาษาหนึ่งของยูเครน และออกกฎหมายอีกฉบับหนึ่งเพื่อยกเลิกการห้ามการโฆษณาชวนเชื่อแบบนาซี ในเวลาเดียวกันนั้น การโจมตีอย่างเป็นระลอกเพื่อเล่นงาน “ผู้สมรู้ร่วมคิด” กับระบอบปกครองยานูโควิช ไม่ช้าไม่นานก็เปลี่ยนไปเป็นการรณรงค์ก่อความหวาดกลัวสยดสยองที่มุ่งต่อต้านรัสเซีย และเป็นครั้งแรกที่พวกผู้พูดภาษารัสเซียเริ่มรู้สึกหวั่นผวาเกี่ยวกับอนาคตของพวกเขาขึ้นมาจริงๆ พวกเขาจึงเริ่มต้นออกมาชุมนุมออกมาประท้วงอย่างเปิดเผยและส่งเสียงดังขึ้นเรื่อยๆ

สภาวการณ์เช่นนี้ ก็ได้ส่งผลกลายเป็นชนวนทำให้ชาวรัสเซียที่อยู่ในรัสเซียจำนวนมากเกิดความรู้สึกว่าจะต้องประเมินสถานการณ์กันเสียใหม่ หลังจากนี้ก่อนหน้านี้พวกเขาได้เคยกล่าวหาพี่น้องร่วมภาษาร่วมชนชาติของเขาที่อยู่ในยูเครนว่าเป็นพวกนอนหลับคุดคู้ไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น ตัวอย่างเช่น ในรายการทอล์กโชว์จำนวนมาก ผู้คนที่พูดภาษารัสเซียจากยูเครนซึ่งมาร้องทุกข์พร่ำรำพันเกี่ยวกับชะตากรรมของพวกเขา มักจะถูกเบรกถูกสอนสั่งว่า “พวกเราจะไม่ช่วยพวกคุณหรอก ถ้าพวกคุณยังไม่เริ่มต้นด้วยการช่วยเหลือตัวพวกคุณเองเป็นอันดับแรก พวกคุณจะต้องกล้าพูดออกมา และลงมือทำสิ่งต่างๆ เพื่อคัดค้านระบอบปกครองใหม่นี้ ก่อนที่พวกเราจะทำอะไรบ้าง พวกเราไม่สามารถแก้ไขปัญหาของพวกคุณให้แก่พวกคุณได้หรอก พวกคุณต้องเป็นฝ่ายลงมือเป็นอันดับแรก จากนั้นพวกเราจึงจะช่วย” และเมื่อประชากรทางภาคตะวันออกและทางภาคใต้ของยูเครนออกมาชุมนุมออกมาเดินขบวนตามท้องถนนในที่สุด คราวนี้พวกเขาไม่ได้ชูธงของยูเครนแล้ว แต่ชูธงชาติรัสเซีย ประชาชนในรัสเซียก็มองเห็นอย่างถนัดถนี่ และเริ่มต้นเปลี่ยนทัศนะมุมมองของพวกเขาต่อสถานการณ์ในยูเครน

ด้วยเหตุผลในทางภววิสัยอันยาวเหยียด ไครเมียได้กลายเป็นพื้นที่ซึ่งส่งเสียงดังที่สุดในขบวนการประท้วงนี้ และดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจอะไรที่พัฒนาการอันใหญ่โตในลำดับถัดจากนั้น ได้บังเกิดขึ้นที่ไครเมียนี้ ทั้งนี้พวกสำนักข่าวกรองของรัสเซียสามารถตรวจจับได้อย่างชัดเจนว่า กำลังจะเกิดการยึดอำนาจในบางรูปแบบขึ้นมาในไครเมีย และวังเครมลินก็ทำการตัดสินใจอันทรงความสำคัญอย่างยิ่งยวดที่สุด ด้วยการส่งกองกำลังที่เรียกขานกันว่า “ชายติดอาวุธในชุดเขียวท่าทางสุภาพเรียบร้อย” (Polite Armed Men in Green และใช้อักษรย่อว่า PAMG) หรือที่ธรรมดาแล้วใช้ชื่อว่า “สเปซนัซ จีอาร์ยู” (Spetsnaz GRU กองกำลังรบพิเศษของสำนักงานข่าวกรองจีอาร์ยู)

อะไรกันแน่คือสิ่งที่ฝ่ายรัสเซียตรวจจับได้ เวลานี้ก็ยังไม่เป็นที่กระจ่าง แต่สิ่งที่ชัดเจนแจ่มแจ้งก็คือลักษณะที่ “ชายติดอาวุธในชุดเขียวท่าทางสุภาพเรียบร้อย” ถูกส่งเข้าไปประจำในไครเมียนั้น ไม่ได้ใช้วิธีการเคลื่อนพลของกองกำลังอาวุธตามปกติในยามสันติ หากแต่เป็นวิธีการส่งกองกำลังรบพิเศษเข้าไปในการปฏิบัติการทางทหารยามสงคราม กล่าวคือ ใช้ความรวดเร็ว, ปิดบังอำพราง, มีกำลังยิงขนาดหนักสนับสนุน, และมีวัตถุประสงค์สำคัญเพื่อการยึดพื้นที่เอาไว้และรอคอยกำลังหนุนเข้ามาเสริมในเวลาต่อไป การส่ง “ชายติดอาวุธในชุดเขียวท่าทางสุภาพเรียบร้อย” เข้าไปในไครเมียในคืนนั้น ดูเหมือนจะสามารถยับยั้งการก่อการยึดอำนาจที่มีผู้วางแผนเอาไว้ โดยที่มีรายงานการปะทะกันอย่างเบาบางมากและไม่ช้าไม่นานก็ถูกลืมเลือนไป

ผลลัพธ์สำคัญที่สุดของความเคลื่อนไหวของ ปูติน ในคราวนี้ ก็คือ มันเป็นการส่งข้อความอันทรงพลังมากไปถึงผู้พูดภาษารัสเซียในส่วนอื่นๆ ของยูเครน ว่า รัสเซียจะไม่ยอมปล่อยให้ระบอบปกครองใหม่ในยูเครนที่เป็นพวกฟาสซิสต์ใหม่ (neo-Fascist) โจมตีทำร้ายพวกคุณและก่อการร้ายสร้างความสยดสยองต่อพวกคุณ สิ่งที่ ปูติน ทำไปนั้น ก็คือการขยาย “โล่ป้องกันทางจิตวิทยา” ให้ปกคลุมดินแดนภาคตะวันออกและภาคใต้ของยูเครนที่เป็นพื้นที่พำนักอาศัยของผู้คนที่พูดภาษารัสเซีย และทำให้พวกยูเครนขวาจัดนิยมบันเดรา จำใส่ใจไว้ว่า ถ้าหากพวกเขาก้าวล้ำเส้น พวกเขาก็จะต้องเปิดศึกกับกองทัพรัสเซียและถูกทำลายย่อยยับ นี่เป็นผลลัพธ์ที่มีขนาดใหญ่โตมโหฬาร และไม่ช้าไม่นานประชาชนผู้ประท้วงก็มีขนาดใหญ่โตยิ่งขึ้นและมีความมุ่งมั่นเด็ดเดี่ยวยิ่งขึ้น สำหรับระบอบปกครองใหม่ในยูเครนแล้ว ทั้งหมดที่เขาสามารถทำได้ก็คือการใช้กำลังตำรวจลับ SBU เข้าจับกุมผู้นำทางการเมืองบางคน แต่นอกเหนือจากนี้แล้ว เคียฟไม่สามารถที่จะทำอะไรเพื่อปราบปรามภูมิภาคต่างๆ เหล่านี้โดยอาศัยกำลังทหารได้ (อย่างน้อยที่สุด จนกระทั่งถึงเวลานี้ก็ยังไม่สามารถทำได้) ท้ายที่สุด เนื่องจากได้เห็นชาวรัสเซียในยูเครนก่อการประท้วงขึ้นมาเป็นจำนวนมากอย่างฉับพลัน จึงมีชาวรัสเซียมากขึ้นๆ ลงสู่ท้องถนนในรัสเซียเพื่อแสดงความสนับสนุนพี่น้องร่วมภาษาร่วมชนชาติในยูเครน ผลลัพธ์ในขั้นสุดท้ายของสิ่งที่เกิดขึ้นมาทั้งหมดนี้ ก็คือ มันเป็นการปลุกอัตลักษณ์แห่งชาติของชาวรัสเซียที่เมื่อก่อนอยู่ในสภาพค่อนข้างเซื่องซึมเฉือยเนือย ตลอดจนเป็นการปลุกความสำนึกแห่งลัทธิรักชาติ ซึ่งเป็นสิ่งที่วังเครมลินไม่เคยแม้กระทั่งฝันว่าจะสามารถโน้มน้าวเหนี่ยวนำให้เกิดขึ้นในประชาชนชาวรัสเซียได้

พวกสื่อมวลชนตะวันตกกำลังสร้างผลงานได้อย่างโดดเด่นจริงๆ จากการพยายามไม่สังเกตสังกาสิ่งต่างๆ ทั้งหลายทั้งปวงนี้ ขณะที่พวกนักวิจารณ์ทางสื่อ (คอมเมนเตเตอร์) และนักการเมืองของโลกตะวันตก ต่างกำลังทำเสมือนกับว่ายังคงมีหนทางอะไรสักอย่างหนึ่งซึ่งจะสามารถผลักดันเจ้ายักษ์จินนี่แห่งลัทธิรักชาติรัสเซีย ให้กลับลงไปในขวดแก้วอีกครั้งหนึ่ง ถึงแม้ในทางเป็นจริงแล้ว พวกเขานั่นเอง หาใช่วังเครมลินไม่ คือผู้ที่ทำให้ยักษ์จินนี่ตนนี้ออกมาจากขวดตั้งแต่ในตอนแรก สิ่งที่เลวร้ายยิ่งไปกว่านั้นก็คือ วงการโฆษณาชวนเชื่อของโลกตะวนตกยังคงพยายามที่จะนำเสนอประเด็นนี้ ในฐานะที่เป็นประเด็นเกี่ยวกับอนาคตของยูเครน มันไม่ใช่อย่างนั้นหรอก ยูเครนเวลานี้ไปลับแล้ว, ตาย, จบสิ้น, มีแต่เสื่อมสลายไปอยู่ในอดีตตลอดกาล

ประเด็นในเวลานี้ไม่ใช่เรื่องอนาคตของยูเครนเลย แต่เป็นเรื่องอนาคตของจักรวรรดิสหรัฐอเมริกาต่างหาก

เดอะ เซกเกอร์ เป็นชื่อของบล็อกเกอร์ซึ่งไม่ปรากฏนามจริง โดยเขียนประจำอยู่ที่บล็อก The Vineyard of the Saker (http://vineyardsaker.blogspot.com/) นอกจากนั้นยังเขียนให้แก่เอเชียไทมส์ออนไลน์อยู่เป็นระยะๆ
(ข้อเขียนชิ้นนี้มี 5 ตอน
ตอน 1 ประชามติ 'ไครเมีย' และ พวกขวาจัด 'ยูเครน' ที่สหรัฐฯหนุนหลัง
ตอน2 ยูเครนสำคัญอย่างไรในเป้าหมายทั่วโลกของสหรัฐฯ
ตอน3 “ความไม่เอาไหน”ของสหรัฐฯปลุก “ชาตินิยม”รัสเซีย
ตอน4 จักรวรรดิอเมริกัน “เสียท่า” ครั้งใหญ่
ตอน5 อนาคตของ “ยูเครน” และ ฝันหวานเป็นเจ้าโลกของ “สหรัฐฯ”)
กำลังโหลดความคิดเห็น