xs
xsm
sm
md
lg

จักรวรรดิอเมริกัน “เสียท่า” ครั้งใหญ่

เผยแพร่:   โดย: เดอะ เซกเกอร์

จักรวรรดิอเมริกัน “เสียท่า” ครั้งใหญ่
(ฝันหวานเป็นเจ้าโลกของสหรัฐฯตายสนิทใน 'ไครเมีย' ตอน4)
โดย เดอะ เซกเกอร์

(เก็บความจากเอเชียไทมส์ออนไลน์ www.atimes.com)

Death throes of world supremacy
By THE SAKER
18/03/2014

นอกเหนือจากการเดินพาเหรดในชุดเครื่องแบบของพวกขวาจัดที่ต้องการเป็นนาซี, การรับเงินรับทองจากสหรัฐฯ, และการกรีดร้องตะโกนคำขวัญว่า “ยูเครนจงเจริญ!” ยังมีอะไรที่ต้องทำกันอีกมากมายนักในการสร้างชาติที่ล้มละลายไปแล้วให้พลิกฟื้นขึ้นมาใหม่ ทว่าสหรัฐฯนั่นเองที่ช่วยให้ยูเครนก้าวเข้าสู่สถานการณ์อันบ้าบอคอแตกเช่นนี้ เพราะนโยบายการต่างประเทศของวอชิงตันนั้นไม่ได้ดำเนินโดยเหล่านักการทูต ทว่ารับผิดชอบโดยเหล่านักการเมือง ผู้ซึ่งหวั่นหวาดสัญญาณต่างๆ ที่แสดงให้เห็นว่าสหรัฐฯมิได้เป็นอภิมหาอำนาจหนึ่งเดียวของโลกอย่างแท้จริงอีกแล้ว และความหวาดกลัวเช่นนี้เองที่ทำให้พวกเขามองเห็นไปว่า การทำให้ยูเครนตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ คือเป้าหมายที่ทรงความสำคัญในลำดับต้นๆ

*ข้อเขียนชิ้นนี้แบ่งเป็น 5 ตอน นี่คือตอน4 *

(ต่อจากตอน3)

**การหกล้มหน้าคะมำครั้งใหญ่ของจักรวรรดิสหรัฐฯ**

ด้วยความยะโสโอหัง, ความโง่เขลาเบาปัญญา, และความดื้อดึงไม่ยอมประนีประนอมเอาเลยของสหรัฐฯและเหล่าอาณานิคมอียูของสหรัฐฯนั่นเอง ซึ่งได้ทำให้ประชาชนชาวรัสเซียมองประเด็นปัญหาในยูเครนด้วยสายตาและมุมมองใหม่ๆ ในหมู่พวกเขาส่วนใหญ่มากมายท่วมท้น เมื่อเพ่งพินิจถึงสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในกรุงเคียฟแล้ว ประชาชนชาวรัสเซียย่อมมองเห็นว่ามันคือการรีเพลย์ของช่วงปีอันเลวร้ายที่สุดในยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 และพวกเขาก็ปักใจเด็ดเดี่ยวที่จะไม่ยอมปล่อยให้เหตุการณ์เช่นนั้นบังเกิดขึ้นมาอีก เมื่อพวกเขามองเห็นฝูงชนนักชาตินิยมยูเครนเคลื่อนขบวนไปยามค่ำคืน โดยในมือถือคบเพลิงและภาพขนาดใหญ่ของ สเตปาน บันเดรา (Stepan Bandera) ชาวรัสเซีย (ไม่ว่าจะอยู่ในยูเครนหรืออยู่ในรัสเซีย) ย่อมมองเห็นการผงาดขึ้นมาของอสูรร้ายซึ่งพวกเขาเคยจำเป็นต้องกำราบปราบปรามให้หมอบราบคาบแก้ว และต้องหลั่งเลือดสูญเสียผู้คนทั้งที่ล้มตายและพิกลพิการจำนวนเป็นล้านๆ คน นี่แหละเป็นเหตุผลที่ทำไมผมจึงได้เขียนเอาไว้เมื่อวันที่ 1 มีนาคมที่ผ่านมาว่า “อย่าได้สำคัญผิดเป็นอันขาด รัสเซียนั้นเตรียมพร้อมที่จะทำสงครามอย่างแน่นอน” ("make no mistake about that RUSSIA IS READY FOR WAR" ดูรายละเอียดได้ที่ http://vineyardsaker.blogspot.com/2014/03/obama-just-made-things-much-much-worse.html) ผมหมายความตามตัวอักษรที่ผมเขียนเอาไว้จริงๆ และจนถึงขณะนี้ผมก็ยังคงคิดว่า มันยังเป็นความจริงอยู่ ทั้งนี้เนื่องจากประชาชนชาวรัสเซียนั้นได้รับความทุกข์ยากเดือดร้อนแสนสาหัสเหลือเกินในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 มันมากมายมหาศาลจนเกินกว่าที่จะยอมปล่อยให้พวกนักเลงอันธพาลนาซีใหม่ (neo-Nazi) ใดๆ ก็ตาม มาก่อการร้ายสร้างความสยดสยองให้แก่ผองพี่น้องชาวรัสเซียของพวกเขาได้อีก ความรู้สึกเช่นนี้ล้ำลึกและเข้มข้นอย่างชนิดที่ไม่มีอะไรมาเปรียบเทียบให้เป็นที่เข้าอกเข้าใจกันได้ในอียู และยิ่งหาอะไรมาเปรียบเทียบให้เป็นที่เข้าอกเข้าใจได้ยากกว่านั้นอีกในสหรัฐฯ ผมสงสัยว่าสถานที่เดียวเท่านั้นที่จะสามารถเข้าอกเข้าใจความเด็ดเดี่ยวแรงกล้าของความปักใจนี้ได้ น่าจะเป็นอิสราเอล เมื่อนำเอาอารมณ์ความรู้สึกเช่นนี้มาแปรให้เป็นการปฏิบัติรูปธรรม นี่ย่อมหมายความว่ารัสเซียจะไม่ยอมเจรจาต่อรองกับพวกนาซีใหม่ใดๆ ซึ่งข่มขู่คุกคามประชาชนผู้พูดภาษารัสเซียในยูเครน รวมทั้งรัสเซียจะไม่ยินยอมอ่อนข้อให้แก่การข่มขู่คุกคามหรือการลงโทษคว่ำบาตรใดๆ จากฝ่ายตะวันตก นี่เป็นอีกครั้งหนึ่งที่รัสเซียในฐานะซึ่งเป็นประชาชาติหนึ่ง กำลังพรักพร้อมกำลังยินดีที่จะจ่ายค่าตอบแทน ไม่ว่ามันจะเป็นอะไรไม่ว่ามันจะเป็นเท่าใด แต่จะต้องบีบคอและจะต้องยังความพ่ายแพ้ให้แก่ “บันเดราสถาน” (Banderastan) อันน่าขยะแขยง ซึ่งเวลานี้กำลังได้รับความสนับสนุนมากเหลือเกินจากสหรัฐฯและอียู ถ้าหากชาวยูเครนบ้าบอคอแตกพวกนี้โจมตีชนผู้พูดภาษารัสเซียในภาคตะวันออกและภาคใต้ของยูเครนแล้ว พวกคุณสามารถแน่ใจได้เลยว่า รัสเซียจะต้องเข้าแทรกแซงด้วยกำลังทหาร

เหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในยูเครน ยังอาจจะก่อให้เกิดผลสืบเนื่องอีกประการหนึ่ง ที่มีความสำคัญยิ่งกว่าที่ผมพูดมาข้างต้นนี้ด้วยซ้ำ

ในเดือนสิงหาคม 2008 ทันทีหลังจากที่กองทัพรัสเซียสร้างความปราชัยให้แก่ระบอบปกครอง (ของ ประธานาธิบดีมีเคอิล) ซาคัชวิลี (แห่งจอร์เจีย) ในสงคราม 08.08.08 ( 08.08.08 war ตามข้อมูลใน wikipedia สงครามซึ่งบางทีก็เรียกกันว่าสงครามรัสเซีย-จอร์เจีย ครั้งนี้ เกิดขึ้นในเดือนสิงหาคม 2008 ระหว่างจอร์เจีย กับ รัสเซียและ 2 แคว้นที่ประกาศแยกตัวออกจากจอร์เจีย คือ เซาท์ออสเซเชีย South Ossetia และ อับคาเซีย Abkhazia โดยที่จอร์เจียเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ในการสู้รบที่กินเวลาไม่กี่วัน-หมายเหตุผู้แปล) ผมได้เขียนข้อเขียนความยาว 2 ตอน ใช้ชื่อเรื่องว่า The real meaning of the South Ossetian war (ความหมายอันแท้จริงของสงครามเซาท์ออสเซเชีย อ่านข้อเขียนนี้ตอน 1 ได้ที่ http://vineyardsaker.blogspot.com/2008/08/real-meaning-of-south-ossetian-war.html และตอน 2 ที่ http://vineyardsaker.blogspot.com/2008/08/real-meaning-of-south-ossetian-war-part.html) โดยที่บรรจุข้อความในลักษณะสรุปประเมินผลดังต่อไปนี้เอาไว้ด้วย:

“การโจมตีอย่างน่าชิงชังที่หุ่นจอร์เจียของวอชิงตันกระทำต่อกองกำลังรักษาสันติภาพของรัสเซีย เมื่อผสมผสานกับอาการมือถือสากปากถือศีลอย่างน่าตื่นตะลึงเป็นที่สุดของพวกสื่อมวลชนตะวันตกและพวกนักการเมืองตะวันตก ผู้ซึ่งแสดงตัวเข้ากับฝ่ายก้าวร้าวรุกรานอย่างเต็มที่ ก็ได้กลายเป็นสิ่งที่เรียกได้ว่าเป็น “ฟางเส้นสุดท้าย” สำหรับรัสเซีย เรื่องนี้ดูไปแล้วอาจจะเป็นเพียงพัฒนาการที่ไม่สลักสำคัญอะไร อย่างน้อยที่สุดหากประเมินในทางปริมาณ (“มีอะไรที่ถือว่าเป็นเรื่องใหม่บ้างล่ะ?”) ทว่ากลับมีความสำคัญอย่างใหญ่หลวงเมื่อมองในแง่คุณภาพ กล่าวคือ มันเพิ่มพูนความมุ่งมั่นเด็ดเดี่ยวอย่างใหม่ให้แก่รัสเซีย ในการรับมือกับ (ถ้าหากเราจะใช้ถ้อยคำในลักษณะที่พวกอนุรักษนิยมใหม่นิยมชมชอบนัก ก็คงจะต้องพูดว่า) ภัยคุกคามต่อการดำรงอยู่ซึ่งมาจากน้ำมือของจักรวรรดิฝ่ายตะวันตก ยังจะต้องใช้เวลาอีกยาวนานระยะหนึ่งทีเดียวกว่าที่ฝ่ายตะวันตกจะตระหนักรับรู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมานั้นจริงๆ แล้วคืออะไรกันแน่ และบางทีพวก “บัณฑิต”รวมทั้งนักการเมืองผู้ทึ่มทื่อที่สุด อาจจะยังคงจ่อมจมไปตลอดกาลอยู่กับถ้อยคำโวหารซึ่งคิดว่าตนเองเท่านั้นคือฝ่ายที่ถูกต้องชอบธรรม ทว่าสำหรับเหล่านักประวัติศาสตร์แล้ว พวกเขาน่าที่จะมองย้อนหลังมาที่เดือนสิงหาคมแห่งปี 2008 ในฐานะที่เป็นจังหวะเวลาซึ่งรัสเซียตัดสินใจที่จะโจมตีตอบโต้เอาคืนจักรวรรดิเป็นครั้งแรก”

สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในฤดูหนาวนี้ มีลักษณะเป็นการต่อเนื่องของสงคราม 08.08.08 เป็นอย่างมาก นั่นคือ มันเป็นศึกอีกคราวหนึ่งที่รัสเซียไม่ต้องการให้เกิดขึ้นเลย ทว่าฝ่ายตะวันตกทำให้รัสเซียไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากจะต้องอาศัยการแสดงความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะเข้าสู่สงคราม (เมื่อมีความจำเป็น) มาใช้เป็นหนทางในการพิทักษ์คุ้มครองตนเอง (ในสงคราม 08.08.08 นั้น วังเครมลินมีความเข้าใจเป็นอย่างดีว่า มีความเสี่ยงที่ สหรัฐฯ/นาโต้ อาจเข้ามาพัวพันเกี่ยวข้องด้วยโดยอยู่ทางฝ่ายจอร์เจีย และได้ส่งข้อความต่างๆ ชนิดไร้ความคลุมเครือไปถึงพวกผู้บังคับบัญชาของ สหรัฐฯ/นาโต้ ว่า กองกำลังใดๆ ก็ตามของ สหรัฐฯ/นาโต้ ที่ส่งไปยังสมรภูมิที่สู้รบกันอยู่ จะถูกโจมตีอย่างแน่นอน) กระนั้นก็ตาม โอกาสที่ สหรัฐฯ/นาโต้ จะเข้าแทรกแซงในสงคราม 08.08.08 ถือว่ามีค่อนข้างต่ำ และจักรวรรดิอเมริกันก็สามารถเสแสร้งแกล้งทำได้เสมอว่าตนเองไม่ได้สนอกสนใจอะไร อย่างไรก็ตาม สำหรับในคราวนี้ ปูติน ไม่ได้แค่กำลังเผชิญหน้ากับ ซาคัชวิลี และ “กองทัพขนาดเบาหวิว” ของเขา หากแต่เป็นการจ้องตากับประธานาธิบดีแห่งสหรัฐฯ และแสนยานุภาพของกองทหารสหรัฐฯกับของนาโต้รวมกันทีเดียว มีอยู่สองสามวันที่สถานการณ์ดูเหมือนวิกฤตพอฟัดพอเหวี่ยงกับในช่วงวิกฤตขีปนาวุธคิวบา (Cuban Missile Crisis) และโลกก็เริ่มหวาดกลัวว่าสงครามโลกครั้งที่ 3 อาจจะเริ่มต้นขึ้น (ดังนั้นจึงเต็มไปด้วยข่าวลือเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวทางทหารของ สหรัฐฯ/นาโต้ แล้วยังการข่มขู่คุกคามทั้งอย่างเคลือบคลุมและอย่างโต้งๆ ของพวกนักการเมืองสหรัฐฯ)

วิกฤตคราวนี้ดูร้ายแรงเสียจนกระทั่งหนังสือพิมพ์อินดิเพนเดนต์ (Independent หนังสือพิมพ์แนวเสรีนิยมของอังกฤษ) รู้สึกว่า ต้องเขียนบทบรรณาธิการที่ใช้ชื่อเรื่องว่า “We Don't want a war with Russia” (เราไม่ต้องการทำสงครามกับรัสเซีย ดูบทบรรณาธิการชิ้นนี้ได้ที่ http://www.independent.co.uk/voices/editorials/we-dont-want-a-war-with-russia-9162731.html) ซึ่งสรุปด้วยคำเตือนดังต่อไปนี้:

“หนังสือพิมพ์ดิอินดิเพนเดนต์ออนซันเดย์ ไม่ได้คัดค้านสงครามทุกๆ สงคราม และไม่ได้สนใจกับการพูดกันอย่างเป็นแฟชั่นในเวลานี้ เกี่ยวกับเรื่องการอาศัยอยู่ในโลก 'ยุคหลังจากผ่านพ้นพวกนักนิยมการเข้าแทรกแซงกิจการของประเทศอื่นๆ' หากแต่เราก็เฉกเช่นเดียวกับประธานาธิบดีโอบามา ที่คัดค้านไม่ต้องการทำสงครามที่งี่เง่า การทำสงครามกับรัสเซียจะกลายเป็นสงครามงี่เง่ายิ่งกว่าสงครามงี่เง่าทั้งหลายทั้งปวงทีเดียว”

อย่างไรก็ดี ไม่ช้าไม่นานก็เริ่มเป็นที่ชัดเจนว่า สหรัฐฯนั้นไม่ได้มีความตั้งใจที่จะทำสงครามเพื่อไครเมียหรือเพื่อยูเครน เป็นสิ่งที่ทำนายได้อยู่แล้ว ในการเผชิญหน้าจ้องตากันระหว่าง บารัค โอบามา กับ วลาดิมีร์ ปูติน ปรากฏว่าโอบามาเป็นฝ่ายกะพริบตาก่อน การลงประชามติในไครเมียซึ่งสหรัฐฯพยายามเหลือเกินที่จะขัดขวาง ยังคงสามารถเดินหน้าต่อไป และผลลัพธ์ที่ออกมาก็ถือเป็นความหายนะชนิดสมบูรณ์แบบสำหรับสหรัฐอเมริกา เวลานี้มีสัญญาณอันสวยสดหลายๆ ประการว่า สหรัฐอเมริกากำลังโยนผ้าขอยอมแพ้ (มูน ออฟ แอละแบมา Moon of Alabama http://www.moonofalabama.org/ มีข้อเขียนดีๆ ในเรื่องนี้อยู่ 2 ชิ้น ดูรายละเอียดได้ที่ http://www.moonofalabama.org/2014/03/ukraine-us-pulls-back-agrees-to-russian-demands.html และ http://www.moonofalabama.org/2014/03/ukraine-wet-noodle-sanctions-and-pressure-for-constitutional-reform.html) และฝ่ายตะวันตกก็กำลังมองหาทางออก

นี่แสดงให้เห็นว่าโอบามาได้ทำอะไรมากไปกว่าเพียงแค่ “กะพริบตาก่อน” เท่านั้น นี่แสดงให้เห็นว่าเมื่อสถานการณ์ตึงเครียดถึงขั้นที่อาจจะต้องลงมือลงไม้กัน รัสเซียก็มีแสนยานุภาพทางทหารและความมุ่งมั่นเด็ดเดี่ยวในทางการเมืองที่จะปฏิเสธไม่ยอมให้จักรวรรดิสหรัฐฯ บรรลุหนึ่งในวัตถุประสงค์ทางยุทธศาสตร์ที่สำคัญที่สุดของพวกเขา อันได้แก่ การเสแสร้งแกล้งทำเป็นว่าตนเองยังคงเป็นอภิมหาอำนาจแต่เพียงผู้เดียวของโลก ถ้าหากความล้มละลายของนโยบายสหรัฐฯในเรื่องซีเรีย คือความน่าอับอายอันแสนจะเจ็บปวดแล้ว สิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นในยูเครนก็ย่อมเป็นอะไรซึ่งมีขนาดขอบเขตใหญ่โตยิ่งกว่าด้วยซ้ำ รัสเซียสามารถสยบทั้งอียู, นาโต้, และสหรัฐฯ และยืนอยู่เหนือกว่าใครในการเผชิญหน้าซึ่งจวบจนกระทั่งถึงนาทีสุดท้าย ฝ่ายตะวันตกก็ยังคงพยายามที่จะหลอกลวงขัดขวางไม่ให้รัสเซียก้าวไปสู่ชัยชนะได้สำเร็จ แต่แล้วกลับปรากฏผลในทางตรงกันข้าม นั่นคือ ฝ่ายตะวันตกต้องประสบความพ่ายแพ้อย่างราบคาบ

เดอะ เซกเกอร์ เป็นชื่อของบล็อกเกอร์ซึ่งไม่ปรากฏนามจริง โดยเขียนประจำอยู่ที่บล็อก The Vineyard of the Saker (http://vineyardsaker.blogspot.com/) นอกจากนั้นยังเขียนให้แก่เอเชียไทมส์ออนไลน์อยู่เป็นระยะๆ
(ข้อเขียนชิ้นนี้มี 5 ตอน
ตอน 1 ประชามติ 'ไครเมีย' และ พวกขวาจัด 'ยูเครน' ที่สหรัฐฯหนุนหลัง
ตอน2 ยูเครนสำคัญอย่างไรในเป้าหมายทั่วโลกของสหรัฐฯ
ตอน3 “ความไม่เอาไหน”ของสหรัฐฯปลุก “ชาตินิยม”รัสเซีย
ตอน4 จักรวรรดิอเมริกัน “เสียท่า” ครั้งใหญ่
ตอน5 อนาคตของ “ยูเครน” และ ฝันหวานเป็นเจ้าโลกของ “สหรัฐฯ”)
กำลังโหลดความคิดเห็น