xs
xsm
sm
md
lg

6 ข้อเท็จจริงสำคัญเกี่ยวกับเที่ยวบิน MH370

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

)

เนเจอรัลนิวส์/เอเจนซีส์ - ยังมีเรื่องราวน่าทึ่งอีกมากมายที่ผู้คนทั่วไปยังไม่ทราบกันเกี่ยวกับเที่ยวบิน MH370 ที่หายไปเฉยๆ เหนืออ่าวไทยพร้อมผู้โดยสารและลูกเรือ 239 ชีวิต ตั้งแต่เมื่อเช้าวันเสาร์ (8 มี.ค.) ที่ผ่านมา

หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัลรายงานว่า ความลึกลับของการหายไปอย่างกะทันหันและโดยสิ้นเชิงของเที่ยวบิน MH370 ของมาเลเซีย แอร์ไลน์ส (MAS) ทำให้แม้แต่เจ้าหน้าที่ด้านความปลอดภัยทางอากาศและหน่วยงานต่อต้านการก่อการร้ายของทั้งเอเชียและอเมริกาถึงขั้น “ไปไม่เป็น”

“สำหรับตอนนี้ ดูเหมือนนี่เป็นเรื่องที่อธิบายไม่ได้” พอล เฮเยส ผู้อำนวยการฝ่ายความปลอดภัยและการประกันภัย ของ แอสเซนด์ เวิลด์ไวด์ บริษัทที่ปรึกษาและข้อมูลด้านการบิน สรุปสั้นๆ

มิหนำซ้ำขณะที่เจ้าหน้าที่สืบสวนมืดแปดด้าน สื่อกระแสหลักก็ยังไม่ยอมรายงานเรื่องราวทั้งหมด

อย่างไรก็ดี ไมก์ แอดัมส์ บรรณาธิการของ เนเจอรัลนิวส์ (NaturalNews.com) ได้รวบรวมข้อเท็จจริงต่างๆ จำนวน 6 ข้อ ซึ่งควรที่ผู้สนใจติดตามสถานการณ์นี้จะต้องตระหนักเอาไว้ให้ดี ดังนี้

ข้อเท็จจริงข้อแรก เครื่องบินโบอิ้ง 777 เพื่อการพาณิชย์ทุกลำติดตั้งกล่องดำที่ทนทานต่อแรงระเบิด โดยกล่องดำนี้บันทึกข้อมูลการบินในรูปแบบสัญญาณดิจิตอล ซึ่งรวมถึงข้อมูลการควบคุมเครื่องเหนือผืนดิน และการสนทนาในห้องนักบิน

ข้อเท็จจริงข้อที่ 2 กล่องดำทุกๆ กล่องสามารถส่งสัญญาณระบุตำแหน่งของตนเอง อย่างน้อย 30 วันนับจากที่ตกลงกลางทะเล

แต่ดูเหมือนกล่องดำของเที่ยวบิน MH370 ไม่ส่งสัญญาณใดๆ ให้ตรวจจับได้เลย ซึ่งเมื่อพิจารณาจากข้อเท็จจริงที่ว่า โครงสร้างกล่องดำสามารถทนทานต่อแรงระเบิดได้ จึงอาจสันนิษฐานได้ว่า กล่องดำอาจหายไป, รวน, หรือถูกทำลายไม่เหลือซากด้วยพลังที่ทรงอานุภาพเหนือจินตนาการของวิศวกรผู้ออกแบบเครื่องบิน

ข้อเท็จจริงข้อที่ 3 คือ ชิ้นส่วนมากมายของเครื่องบินเวลานี้เป็นสิ่งที่ลอยน้ำได้ ดังจะเห็นได้จากเหตุการณ์ในอดีตหลายๆ เหตุการณ์ที่เครื่องบินถูกทำลายเหนือมหาสมุทรหรือตกลงในมหาสมุทร แต่มักมีเศษซากชิ้นส่วน เป็นต้นว่า เบาะที่นั่ง ลอยขึ้นมาเหนือน้ำ ซึ่งค้นหาได้ไม่ยาก ทว่าการที่เวลาผ่านไปหลายวันโดยยังไม่พบซากชิ้นส่วน MH370 เลย จึงยิ่งเพิ่มปริศนาว่า เหตุใดเครื่องบินลำนี้จึงดูเหมือนหายไปจากโลกเฉยๆ
เครื่องบินของสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ ซึ่งจอดอยู่บนลานท่าอากาศยานนานาชาติกัวลาลัมเปอร์ในวันพฤหัสบดี (13) ได้รับความสนใจจับจ้องจากผู้หญิงและเด็กบนอาคารผู้โดยสาร ทั้งนี้ มีข้อเท็จจริงหลายประการซึ่งสื่อต่างๆ มักไม่รายงาน แต่ผู้สนใจติดตามเที่ยวบิน MH370 ที่ยังสูญหายไป ควรจะต้องทราบไว้
ข้อเท็จจริงข้อที่ 4 หากมีการยิงขีปนาวุธโจมตีทำให้เที่ยวบิน MH370 ระเบิดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยจนไม่สามารถหาพบ ขีปนาวุธดังกล่าวก็จะต้องทิ้งสัญญาณให้เรดาร์ตรวจจับได้

นอกจากนั้น ขณะนี้ยังไม่มีขีปนาวุธใดๆ เท่าที่ทราบกัน ซึ่งสามารถทำลายเครื่องบินให้กลายเป็นจุลได้

ข้อเท็จจริงข้อที่ 5 ตำแหน่งแห่งที่เมื่อตอนที่เครื่องบินลำนี้สูญหายไป ไม่ได้เป็นปริศนาลึกลับอะไรเลย

กล่าวคือ เจ้าหน้าที่ควบคุมการจราจรทางอากาศมีข้อมูลเกี่ยวกับตำแหน่ง ระดับความสูง และความเร็วของเครื่องบิน ในวินาทีที่เครื่องบินหายไปจากจอเรดาร์ ซึ่งเป็นข้อมูลที่สามารถนำมาคำนวณเพื่อค้นหาซากเครื่องบินได้ในกรณีที่เครื่องบินตกหรือระเบิด ทว่า การที่ถึงวันนี้ยังไม่พบชิ้นส่วนใดๆ จึงไม่มีใครรู้ว่า เกิดอะไรขึ้นกับ MH370 กันแน่

ข้อเท็จจริงข้อที่ 6 ถ้าหากเที่ยวบิน MH370 ถูกจี้ ก็ไม่มีทางที่สัญญาณของมันจะหายวับไปจากจอเรดาร์ เพราะถึงแม้ตัวอุปกรณ์รับ-ส่งสัญญาณของเครื่องบินถูกปิด แต่เรดาร์ภาคพื้นดินยังสามารถติดตามตำแหน่งของเครื่องบินโดยใช้เรดาร์ที่เรียกกันว่า “แพสสีฟ” (ระบบเรดาร์ภาคพื้นดินที่ปล่อยสัญญาณและติดตามการสะท้อนกลับ) ได้

จากข้อเท็จจริงเหล่านี้ ทำให้บรรณาธิการของเนเจอรัลนิวส์ สรุปแบบกำปั้นทุบดินว่า M370 ไม่ได้ถูกจี้ ไม่เช่นนั้นเรดาร์คงตรวจจับสัญญาณได้แล้ว และไม่ได้ระเบิดกลางอากาศ เพราะยังไม่มีซากชิ้นส่วนโผล่มาให้เห็นเลย

แต่เครื่องบินลำนี้หายวับไปเฉยๆ ด้วยวิธีบางอย่างซึ่งเรายังไม่เข้าใจในเวลานี้ และนี่เองเป็นที่มาของทฤษฎีหลุดโลกมากมายในเน็ต เป็นต้นว่า มีการทดสอบอาวุธยุทโธปกรณ์ลับ, ปรากฏการณ์ช่องว่างกาลเวลาแบบสามเหลี่ยมเบอร์มิวดา หรือกระทั่งเทคโนโลยีของมนุษย์ต่างดาวที่เคลื่อนย้ายสสารของเครื่องบินออกนอกโลก

คำอธิบายที่เป็นไปได้มากที่สุดคือ การที่ยังไม่พบซากเครื่องบินเป็นเพราะชิ้นส่วนไปตกในพื้นที่นอกเขตการค้นหา ทว่า ยิ่งเวลาผ่านไป คำอธิบายนี้ยิ่งมีน้ำหนักเบาลงไปเรื่อยๆ

แอดัมส์ ทิ้งท้ายว่า ส่วนที่น่ากลัวที่สุดของเรื่องนี้ไม่ใช่การค้นพบซากเครื่องบิน และยืนยันว่ามันประสบโศกนาฏกรรมแล้วจริงๆ หากแต่เป็นในทางตรงข้าม นั่นคือ เราค้นไม่พบซากของมันเลย เนื่องจากหมายความว่ามีพลังรูปแบบใหม่ที่ลึกลับและทรงอานุภาพบนโลกใบนี้ที่สามารถผลักเครื่องบินตกจากฟ้าโดยไม่ทิ้งเบาะแสใดๆ ไว้เลย

และหากมีอาวุธที่ทรงอานุภาพขนาดนั้นก็เท่ากับว่า บุคคลหรือองค์กรใดก็ตามที่ควบคุมอาวุธนั้นมีความสามารถครอบครองโลกด้วยอาวุธที่ทรงพลังจนไม่อาจจินตนาการได้ เรื่องนี้ฟังดูน่ากลัวกว่ามากมายนัก เมื่อเทียบกับความคิดที่ว่าเครื่องบินตกเนื่องจากเกิดความขัดข้องทางเทคนิค
กำลังโหลดความคิดเห็น