xs
xsm
sm
md
lg

‘จีน’โกรธเกรี้ยวขึ้นเรื่อยๆ กรณีเครื่องบินโดยสารหายสูญ

เผยแพร่:   โดย: วิทยุเอเชียเสรี

(เก็บความจากเอเชียไทมส์ออนไลน์ www.atimes.com)

Chinese anger mounts over missing plane
By Radio Free Asia
11/03/2014

เพื่อนมิตรและครอบครัวของผู้โดยสารชาวจีนบนเครื่องบินสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ซึ่งสูญหายไปในทะเลจีนใต้ กำลังแสดงความหงุดหงิดผิดหวังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่มีการขยายพื้นที่ของการค้นหาโบอิ้ง 777 ที่มุ่งหน้าสู่ปักกิ่งลำนี้ให้กว้างขวางขึ้นกว่าเดิมมาก ท่ามกลางปริศนาชวนงุนงงสงสัยเพิ่มขึ้นทุกทีว่าการที่เที่ยวบิน MH370 นี้เกิดหายวับไปจากจอเรดาร์นั้นมีสาเหตุจากอะไรกันแน่ๆ ญาติๆ บางส่วนของบุคคล 239 คนบนเครื่องบินที่ประสบเคราะห์ ก็กำลังบินไปยังกัวลาลัมเปอร์ พร้อมด้วยคำถามที่พวกเขาต้องการคำตอบ

เพื่อนมิตรและครอบครัวของผู้โดยสารชาวจีนบนเครื่องบินสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ซึ่งสูญหายไปในทะเลจีนใต้ กำลังแสดงความหงุดหงิดผิดหวังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่มีการขยายพื้นที่ของการค้นหาโบอิ้ง 777 ที่มุ่งหน้าสู่ปักกิ่งลำนี้ให้กว้างขวางขึ้นกว่าเดิมมาก

ท่ามกลางความโกรธเกรี้ยวของสาธารณชนเช่นนี้ สื่อมวลชนของทางการจีนก็ได้ออกมาตำหนิโจมตีแรงๆ เล่นงานทั้งพวกเจ้าหน้าที่รับผิดชอบของมาเลเซีย และสายการบินแห่งชาติของแดนเสือเหลือง ในเรื่องการรับมือกับกรณีการหายไปของโบอิ้ง 777 ลำนี้ซึ่งมีคนจีนอยู่บนเครื่อง 153 คน

เพื่อนมิตรของชาวจีนบางคนซึ่งอยู่ในจำนวนผู้โดยสารทั้งหมด 227 คนของเที่ยวบิน MH370 นี้ บอกว่าพวกเขาไม่สามารถติดต่อกับสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ ตามหมายเลขโทรศัพท์ที่บริษัทระบุไว้ได้เลย ตั้งแต่ที่เครื่องบินลำนี้หายวับไปจากจอเรดาร์ ณ จุดใดจุดหนึ่งระหว่างมาเลเซียกับเวียดนาม ภายหลังทะยานขึ้นจากกรุงกัวลาลัมเปอร์ในวันเสาร์ (8 มี.ค.)

“ผมพยายามแล้วพยายามเล่าที่จะต่อโทรศัพท์ถึงมาเลเซียแอร์ไลน์ ... ตลอดช่วงเสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมา แต่มันช่างต่อยากต่อเย็นเสียเหลือเกิน” วิทยุเอเชียเสรี (Radio Free Asia) รายงานคำพูดของ เจิ้ง เหวินซาน (Zheng Wenshan) ผู้ซึ่งเพื่อนร่วมงานชาวจีนของเขาที่ไปร่วมจัดแสดงผลงานในนิทรรศการภาพเขียนและภาพตัวหนังสือพู่กันจีนในกรุงกัวลาลัมเปอร์ มีชื่ออยู่ในหมู่ผู้สูญหาย “ไม่มีใครรับสายเลยในวันเสาร์อาทิตย์”

“ผมติดต่อใครที่นั่นไม่ได้เลยทั้งสองวันนี้” เจิ้ง บอก ในขณะที่ยังคงคาดหวังว่าจะได้รับข่าวดีเกี่ยวกับสมาชิกคนอื่นๆ ในกลุ่มของเขา ผู้ซึ่งเขาพบเห็นเป็นครั้งสุดท้าย ณ ท่าอากาศยานนานาชาติกรุงกัวลาลัมเปอร์ ก่อนที่เขาจะขึ้นเครื่องบินในอีกเที่ยวบินหนึ่งเดินทางกลับบ้านที่เซี่ยงไฮ้ภายหลังการจัดงานเสร็จสิ้นลง

“ผมยังคงหวังให้พวกเขาได้กลับมาถึงบ้าน ผมยังคงเฝ้าหวังอยู่ทุกวันว่าจะค้นหาติดตามเครื่องบินเจอแล้ว” เขากล่าว “แต่ในสถานการณ์อย่างที่เป็นอยู่นี้ ผมไม่กล้าที่จะมั่นอกมั่นใจอะไรแล้ว”

สายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์นั้นแถลงว่า จะมีการจัดตั้งศูนย์ประสานงานเพื่อการดำเนินการด้านต่างๆ ขึ้นมาในทันทีที่พบตำแหน่งแห่งที่ของเครื่องบินแล้ว นอกจากนั้นทางสายการบินยังมีกำหนดที่จะนำเอาญาติๆ ของผู้โดยสารบินจากปักกิ่งไปกัวลาลัมเปอร์ในวันอังคาร (11 มี.ค.)

ในเวลาเดียวกันนั้นเอง ความพยายามที่มีนานาชาติร่วมไม้ร่วมมือกัน ในการค้นหาโบอิ้ง 777 ลำนี้ ก็ได้ขยายเพิ่มขึ้นจากตอนแรก ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ในรัศมีประมาณ 50 ไมล์ทะเล (ราว 92 กิโลเมตร) รอบๆ จุดซึ่งมีการติดต่อกับเครื่องบินเป็นครั้งสุดท้าย หลังจากปฏิบัติการอย่างมุ่งมั่นที่ผ่านมายังไม่ได้พบร่องรอยที่ชัดเจนแน่นอนของเศษซากความเสียหายหรือของผู้โดยสาร สำนักข่าวซินหวาของทางการจีนได้รายงานคำพูดของเจ้าหน้าที่เวียดนามผู้หนึ่งซึ่งกล่าวว่า คงจะไม่สามารถค้นเจอเครื่องบินมาเลเซียที่หายไปลำนี้แล้ว

ทั้งนี้ อาซารุดดิน อับดุล เราะห์มาน (Azharuddin Abdul Rahman) อธิบดีกรมการบินพลเรือนของมาเลเซีย แถลงในคืนวันจันทร์ (10 มี.ค.) ว่า คณะเจ้าหน้าที่สืบสวนติดตาม กำลังขยายพื้นที่การค้นหาออกไปเป็น 100 ไมล์ทะเลแล้ว ซึ่งจะทำให้ครอบคลุมทั้งพื้นที่แผ่นดินของคาบสมุทรมาเลเซีย, น่านน้ำนอกชายฝั่งด้านตะวันตกของแดนเสือเหลือง, และพื้นที่ทะเลซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของเกาะสุมาตรา ของอินโดนีเซีย

แต่จากการที่ความพยายามค้นหาของเครื่องบินกว่า 30 ลำและเรืออีก 40 ลำ ยังคงไม่ประสบผลสำเร็จอะไรบ้างเลย กำลังสร้างความงุนงงมึนตึ้บให้แก่พวกผู้เชี่ยวชาญทั่วโลก

**ชี้นิ้วกล่าวโทษอย่างโกรธเกรี้ยว**

ทางการผู้รับผิดชอบของจีนกำลังชี้นิ้วกล่าวโทษกัวลาลัมเปอร์ว่าไม่ได้ให้ข้อมูลข่าวสารอย่างเพียงพอ

“ฝ่ายมาเลเซียไม่สามารถที่จะลดทอนความรับผิดชอบของตนเองได้” โกลบอลไทมส์ (Global Times) หนังสือพิมพ์ขนาดแทบลอยด์ ซึ่งมีสายสัมพันธ์ใกล้ชิดกับพรรคคอมมิวนิสต์จีน ระบุเอาไว้เช่นนี้ในบทบรรณาธิการของตนเมื่อวันจันทร์ (10 มี.ค.) “การตอบสนองในตอนแรกๆ จากมาเลเซียนั้น ไม่มีความว่องไวรวดเร็วอย่างที่ควรจะเป็น” บทบรรณาธิการนี้กล่าวในอีกตอนหนึ่ง

ในอีกด้านหนึ่ง คณะเจ้าหน้าที่จีนจากกระทรวงทบวงกรมต่างๆ ก็บ่ายหน้าสู่มาเลเซียตั้งแต่วันจันทร์เช่นกัน เพื่อเสนอความสนับสนุนให้แก่การปฏิบัติการค้นหา และแก่ญาติๆ ของผู้โดยสารชาวจีน

ก่อนหน้านั้น ผลการทดสอบคราบน้ำมันขนาดใหญ่ตลอดจนสิ่งของที่ต้องสงสัยว่าจะเป็นเศษซากเครื่องบินซึ่งเก็บขึ้นจากทะเลจีนใต้ใกล้ๆ จุดที่เครื่องบินหายไปจากจอเรดาร์ ปรากฏว่าไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเที่ยวบินนี้เลย

“การปฏิบัติการค้นหายังคงดำเนินอยู่ แต่ยังไม่มีหลักฐานใดๆ บ่งบอกให้ทราบว่าเที่ยวบิน MH370 ซึ่งหายไปนั้นอยู่ตรงไหนกันแน่” โฆษกของสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ บอกกับวิทยุเอเชียเสรีในคืนวันจันทร์ (10 มี.ค.)

เขายอมรับว่าทางสายการบินยังไม่สามารถติดต่อกับญาติๆ ของผู้ที่อยู่บนเครื่องได้ครบถ้วนทั้งหมดแล้ว

“ยังคงมีบางส่วน (ซึ่งยังไม่สามารถติดต่อได้)” โฆษกผู้นี้กล่าว “สำหรับความคืบหน้าล่าสุดนั้น สามารถตรวจสอบได้ที่เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของเรา”

**สาเหตุยังคงเป็นปริศนา**

กำลังมีการตั้งคำถามว่า สาเหตุของเครื่องบินตกคราวนี้เกิดจากอะไรแน่ โดยมีการสันนิษฐานถึงความเป็นไปได้ต่างๆ ตั้งแต่ความบกพร่องของการรักษาความปลอดภัย ไปจนถึงเรื่องที่ว่าเที่ยวบินนี้ตกเป็นเป้าหมายของการวางระเบิด, การจี้กลางอากาศ, หรือการโจมตีของผู้ก่อการร้ายใช่หรือไม่ หลังจากที่ตรวจสอบพบว่ามีผู้โดยสารอย่างน้อยที่สุด 2 คนเดินทางโดยใช้พาสปอร์ตที่ถูกขโมยมา

หว่อง ตง (Wong Dong) นักวิเคราะห์ด้านการทหารชาวจีนซึ่งตั้งฐานอยู่ที่มาเก๊า ให้ความเห็นว่า จากข้อเท็จจริงที่ MH370 สูญหายไปอย่างรวดเร็วเช่นนี้ บ่งชี้ให้เห็นว่ามันอาจจะถูกระเบิดกลางอากาศ

“เครื่องบินหายไปจากจอเรดาร์อย่างกะทันหันมาก มันรวดเร็วมากจนกระทั่งไม่มีเวลาที่จะส่งสัญญาณอันตรายออกมา” หว่อง กล่าว “ความเป็นไปได้มากที่สุดก็คือมันระเบิดและแตกออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยกลางอากาศ”

“ผมเชื่อว่ามีความเป็นไปได้สูงมากที่จะเป็นการก่อเหตุของผู้ก่อการร้าย”

ทางด้านแหล่งข่าวรัฐบาลสหรัฐฯและรัฐบาลยุโรปซึ่งใกล้ชิดกับการสืบสวนสอบสวน ได้บอกกับสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า ไม่ว่าจะเป็นตำรวจสันติบาลมาเลเซีย ซึ่งเป็นหน่วยงานที่นำการสืบสวนสอบสวนภายในแดนเสือเหลือง หรือว่าพวกหน่วยงานข่าวกรองของสหรัฐฯและยุโรป ต่างก็ไม่ได้บอกปัดความเป็นไปได้ที่ว่า พวกหัวรุนแรงอาจเกี่ยวข้องพัวพันกับการตกของเที่ยวบิน 370 นี้

ขณะที่หนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียลไทมส์ (Financial Times) ได้ทำการวิเคราะห์อย่างลงรายละเอียดเกี่ยวกับผู้โดยสาร 2 คนซึ่งขึ้นเครื่องโดยใช้หนังสือเดินทางที่ขโมยมา และพบว่าทั้งคู่อาจจะเป็นพวกที่ตั้งใจอพยพไปพำนักอาศัยในยุโรปอย่างผิดกฎหมาย และอาจจะโดยสารเที่ยวบินมาเลเซียแอร์ไลน์ดังกล่าวตามแผนการอันซับซ้อนเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกติดตามตรวจสอบ อย่างไรก็ดี ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่าพวกเขาทั้งสองสามารถใช้เอกสารปลอมเช่นนี้ผ่านจุดตรวจขึ้นไปบนเครื่องบินได้อย่างไร

พวกเจ้าหน้าที่สหรัฐฯนั้นกล่าวว่า ทีมของเอฟบีไอที่ถูกส่งไปช่วยเหลือการสืบสวนตรวจสอบผู้โดยสาร ยังไม่พบหลักฐานใดๆ ที่ชี้ไปในทางการก่อเหตุโจมตีของผู้ก่อการร้าย ส่วนสำนักข่าวเอเอฟพีก็รายงานว่า บริษัทโบอิ้ง ซึ่งเป็นผู้ผลิตเครื่องบินลำเกิดเหตุ ได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้าร่วมกับทีมงานของสำนักงานความปลอดภัยด้านการขนส่งแห่งชาติของสหรัฐฯ (US National Transportation Safety Board) ซึ่งไปอยู่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แล้ว เพื่อปฏิบัติหน้าที่ในฐานะที่ปรึกษาฝ่ายเทคนิค

ในกรุงปักกิ่ง ญาติๆ ที่น้ำตานองหน้าจำนวนหลายสิบคน เข้าแถวเพื่อยื่นขอวีซาเตรียมเดินทางไปยังมาเลเซีย เพื่อติดตามการปฏิบัติการกู้ภัยอย่างใกล้ชิดยิ่งขึ้น ถึงแม้มีคนอื่นๆ ที่กล่าวว่าพวกเขายังไม่ต้องการไปในขณะที่ยังมีสิ่งที่ไม่ทราบแน่นอนอีกมากมายเหลือเกินเช่นนี้

“ถ้าเราอยู่ที่จีนนี่เราน่าจะทำอะไรได้มากกว่า” สตรีคนหนึ่งบอกกับเอเอฟพี “แม้กระทั่งเครื่องบิน พวกเขาก็ยังหากันไม่เจอเลย”

พวกเจ้าหน้าที่มาเลเซียพูดถึงความเป็นไปได้อีกประการหนึ่งที่ว่า เที่ยวบิน370 อาจจะหันหัวเลี้ยวกลับและเดินทางมุ่งสู่กัวลาลัมเปอร์ ด้วยสาเหตุซึ่งไม่เป็นที่ชัดเจน

นักบินที่ขับเครื่องบินลำนี้ เป็นนักบินที่มีประสบการณ์ แต่ไม่ได้มีการส่งข่าวหรือมีสัญญาณอันบ่งชี้ว่าเที่ยวบินกำลังเผชิญสถานการณ์อันตรายใดๆ รวมทั้งอากาศในตอนนั้นก็อยู่ในภาวะแจ่มใส

รายงานข่าวนี้มาจาก วิทยุเอเชียเสรี และเพิ่มเติมข้อมูลซึ่งได้จากพวกผู้สื่อข่าวของเอเชียไทมส์ออนไลน์

วิทยุเอเชียเสรี (Radio Free Asia ใช้อักษรย่อว่า RFA) ก่อตั้งขึ้นโดยรัฐบัญญัติของรัฐสภาสหรัฐฯ และได้รับการสนับสนุนส่วนหนึ่งจากเงินให้เปล่าของรัฐบาลสหรัฐฯ ปัจจุบัน RFA เป็นผู้ดำเนินการสถานีวิทยุและบริการข่าวสารทางอินเทอร์เน็ต
กำลังโหลดความคิดเห็น