รอยเตอร์ - เครื่องบินของสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ส ที่หายไปอาจหันหัวกลับจากเส้นทางในแผนการเดินทางเดิม ก่อนจะอันตรธานหายไปจากจอเรดาร์ เจ้าหน้าที่กองทัพมาเลเซียระบุวันนี้ (9 มี.ค.) ทำให้ปมปริศนาเรื่องชะตากรรมของเครื่องบินที่มีผู้โดยสารและลูกเรือ 239 ชีวิตทวีความซับซ้อนยิ่งขึ้นกว่าเดิม
เป็นเวลานานกว่า 36 ชั่วโมงแล้ว ที่เที่ยวบิน MH 370 ที่มุ่งหน้าออกจากกรุงกัวลาลัมเปอร์ไปยังกรุงปักกิ่งขาดการติดต่อไป โดยทางการมาเลเซียกล่าวว่า พวกเขากำลังกระจายกำลังกันค้นหาตามน่านน้ำมาเลเซีย และเวียดนาม พร้อมทั้งกำลังสอบสวนผู้โดยสารอย่างน้อย 2 คน ที่อาจใช้เอกสารประจำตัวปลอม
ในเวลาที่ส่อเค้าว่ามีการล่วงละเมิดกฎควบคุมการบินเกิดขึ้นที่ท่าอากาศยานมาเลเซีย นายกรัฐมนตรี นาจิบ ราซัค แห่งมาเลเซีย ชี้ว่ากำลังอยู่ระหว่างทบทวนขั้นตอนรักษาความปลอดภัย
แม้จะมีการส่งเรือรบ และเรือพลเรือน ตลอดจนอากาศยานร่วมหลายสิบลำออกค้นหาทุกน่านน้ำ ที่อยู่ใต้เส้นทางของเครื่องบินลำดังกล่าว ก็ยังไม่มีซากเครื่องบินปรากฏให้เห็น แม้ว่าจะมีรายงานว่าพบคราบน้ำมันรั่วในทะเลที่อยู่ทางใต้ของเวียดนาม และทางตะวันออกของมาเลเซีย
ในรายชื่อผู้โดยสารที่สายการบินเจ้านี้นำมาเปิดเผยนั้น พบว่ามีชาวยุโรปสองคน คือ คริสเตียน โคเซล ชาวออสเตรีย และ ลุยจิ มารัลดี ชาวอิตาลี ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศมาเลเซีย รายงานว่า ไม่ได้โดยสารมากับเครื่องบินลำนี้ ทั้งยังดูเหมือนว่าพาสปอร์ตของทั้งสองจะถูกขโมยไปตั้งแต่ 2 ปีก่อน ตอนที่พวกเขาเดินทางมาประเทศไทย
สำนักข่าวบีบีซีรายงานว่า ชายสองคนที่ใช้พาสปอร์ตของพวกเขาซื้อตั๋วพร้อมกัน และบินจากกรุงปักกิ่งไปที่ยุโรป ซึ่งย่อมหมายความว่าพวกเขาไม่ได้ขอวีซ่าเข้าจีน และสามารถเล็ดรอดผ่านขั้นตอนการตรวจสอบอื่นๆ ไปได้
ลูกจ้างคนหนึ่งของสำนักงานจำหน่ายตั๋วเดินทางในพัทยา กล่าวกับรอยเตอร์ว่า ทั้งสองซื้อตั๋วเครื่องบินจากที่นั่น
อย่างไรก็ตาม ทางด้านเจ้าหน้าที่ความมั่นคงของสหรัฐฯ และยุโรป กล่าวว่า ยังไม่พบว่ามีการกระทำผิดกฎหมาย และอาจมีความเป็นไปได้อื่นๆ ที่สามารถอธิบายเรื่องพาสปอร์ตที่ถูกขโมยไปได้
ทางด้าน ฮิชามุดดิน ฮุสเซน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมมาเลเซีย แถลงว่า บรรดาเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจกำลังตรวจสอบข้อมูลของผู้โดยสารอีก 2 คน นอกจากชา ย 2 คนที่ใช้พาสปอร์ตซึ่งฉกมาจากชาวออสเตรเลียและชาวอิตาลี
นอกจากนี้ เขาระบุด้วยว่า ได้ขอความช่วยเหลือจากสำนักงานสืบสวนกลางสหรัฐฯ (เอฟบีไอ) อย่างไรก็ตาม การก่อการร้ายนั้นเป็นเพียงหนึ่งในเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้นเท่านั้น
ทั้งนี้ บนเครื่องบินลำนี้มีผู้โดยสาร 14 สัญชาติ ซึ่งประกอบด้วยเป็นชาวจีนอย่างน้อย 152 คน ชาวมาเลเซีย 38 คน ชาวอินโดนีเซีย 7 คน ชาวออสเตรเลีย 6 คน ชาวอินเดีย 5 คน ชาวฝรั่งเศส 4 คน และชาวอเมริกัน 3 คน