รอยเตอร์/เอเจนซีส์ - นาวี พิลเลย์ ข้าหลวงใหญ่ด้านสิทธิมนุษยชนขององค์การสหประชาชาติ เรียกร้องให้มีการจัดตั้งคณะกรรมการไต่สวนอิสระจากนานาชาติ เกี่ยวกับการกระทำที่เข้าข่าย “อาชญากรสงคราม” ที่เกิดขึ้น ระหว่างสงครามกลางเมืองในศรีลังกา โดยระบุ รัฐบาลศรีลังกาล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงในการสร้างกระบวนการตรวจสอบที่น่าเชื่อถือ
รายงานฉบับล่าสุดที่จัดทำโดยข้าหลวงใหญ่ด้านสิทธิมนุษยชนของยูเอ็น ที่มีการเผยแพร่ก่อนถึงการประชุมของสภาสิทธิมนุษยชนสหประชาชาติในเดือนหน้า ระบุว่า มีความจำเป็นที่ต้องจัดตั้งกลไกที่เป็นอิสระจากนานาชาติในการสืบสวนหาความจริงต่อการละเมิดสิทธิมนุษยชนที่เกิดขึ้นในช่วงสงครามกลางเมืองศรีลังกา เนื่องจากกระบวนการตรวจสอบภายในของรัฐบาลศรีลังกาภายใต้การนำของประธานาธิบดีมหินทา ราชปักษา ขาดความน่าเชื่อถือ และปราศจากความคืบหน้าที่เป็นรูปธรรม
ขณะเดียวกัน มีรายงานข่าวที่ระบุว่า สหรัฐฯเตรียมเสนอให้มีการออกมติของยูเอ็น เพื่อจัดการกับการละเมิดสิทธิมนุษยชนขนานใหญ่ที่เกิดขึ้นในศรีลังกาเช่นกัน
ทั้งนี้ สงครามกลางเมืองที่ดำเนินมายาวนานกว่า 26 ปี นับตั้งแต่เดือนกรกฎาคมปี 1983 จนถึงเดือนพฤษภาคมปี 2009 ระหว่างรัฐบาลศรีลังกา กับกลุ่มกบฏพยัคฆ์ทมิฬอีแลม ที่พยายามแบ่งแยกดินแดนตอนเหนือของประเทศเป็นอิสระ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตไประหว่าง 80,000-100,000 ราย ขณะที่ผู้คนอีกหลายพันคนยังคงสูญหาย ท่ามกลางรายงานข่าวว่ามีการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างกว้างขวางจากคู่ขัดแย้งทั้งสองฝ่าย รวมถึงการที่ทหารรัฐบาลศรีลังการะดมโจมตีเป้าหมายที่เป็นพลเรือน และการที่กลุ่มกบฏใช้พลเรือนเป็น “โล่มนุษย์” เป็นต้น