เอพี/เอเจนซีส์ – นายกรัฐมนตรีมานโมหัน ซิงห์ ตัดสินใจจะไม่เข้าร่วมการประชุมซัมมิตเครือจักรภพอังกฤษซึ่งจะจัดขึ้นที่ศรีลังกา ในสัปดาห์นี้ เนื่องจากประเทศเจ้าภาพรายนี้มีปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชน เจ้าหน้าที่อินเดียคนหนึ่งเปิดเผยวันนี้ (10 พ.ย.)
ซิงห์ จะเป็นผู้นำคนที่ 2 ภายหลังที่นายกรัฐมนตรี สตีเฟน ฮาร์เปอร์ แห่งแคนาดา ประกาศคว่ำบาตรการประชุมครั้งนี้ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 15 ถึง 17 พฤศจิกายน ทั้งนี้เครือจักรภพอังกฤษที่มีสมาชิกทั้งสิ้น 54 ประเทศ นั้นเป็นการรวมกลุ่มกันอย่างหลวมๆ ของประเทศที่เคยเป็นอาณานิคมของอังกฤษ
การตัดสินใจของทั้งสองผู้นำ มุ่งที่จะเน้นย้ำให้เห็นความสำคัญของการที่ชาติตะวันตก และบรรดานักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิ ออกมาเรียกร้องให้ ศรีลังกาแสดงความรับผิดชอบต่อชีวิตประชาชนหลายพันคน ที่เชื่อว่าน่าจะตายไปในช่วงเดือนสุดท้ายของสงครามกลางเมือง ที่ยืดเยื้อมาราว 50 ปี และสิ้นสุดลงในปี 2009 เมื่อกองกำลังของรัฐบาลศรีลังกาสามารถกวาดล้างกลุ่มแบ่งแยกดินแดนชาวทมิฬได้สำเร็จ
ซิงห์ได้ทำหนังสือถึง ประธานาธิบดี มหินทา ราชปักษา แห่งศรีลังกา เพื่อแจ้งให้ทราบว่าไม่สามารถไปเข้าร่วมการประชุมซัมมิตเครือจักรภพครั้งนี้ได้ เจ้าหน้าที่ผู้นี้ระบุ โดยขอไม่เปิดเผยนามเพราะไม่ได้รับอนุญาตให้บอกข้อมูลกับผู้สื่อข่าว ขณะที่ยังไม่มีการเผยแพร่เนื้อหาของหนังสือฉบับดังกล่าวในเวลานี้
ทั้งนี้ อินเดีย ซึ่งเป็นชาติที่มีผลประโยชน์เกี่ยวข้องกับประเด็นปัญหานี้อย่างมาก เพราะรัฐทมิฬนาฑู ซึ่งอยู่ทางภาคใต้ของอินเดียคือถิ่นที่อยู่ของชาวทมิฬ 60 ล้านคนได้ คอยออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลศรีลังกาหันมาเจรจากับพรรคการเมืองของชนกลุ่มน้อยชาวทมิฬอีกครั้ง เพื่อให้สิทธิในการปกครองดินแดนกับชาวทมิฬมากขึ้น
ภายหลังถูกกดดันจากพรรคการเมือง ในทมิฬนาฑู ซึ่งเป็นรัฐที่อยู่ติดกับศรีลังกาโดยมีเพียงช่องแคบกั้นกลาง ซิงห์ ก็ตัดสินใจคว่ำบาตรการประชุมซัมมิตเครือจักรภพ เนื่องจากข้องใจว่าประธานาธิบดี มหินทา ราชปักษาไม่ได้ปกป้องผลประโยชน์ของชนกลุ่มน้อยชาวทมิฬมากพอ
หลังจากสงครามครั้งนั้น ราชปักษาเคยให้คำมั่นว่า จะยอมให้สิทธิในการปกครองตนเองแก่พื้นที่ทางเหนือของประเทศ ซึ่งประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวทมิฬ อย่างไรก็ตาม เขาถูกนานาประเทศ และกลุ่มรณรงค์เพื่อสิทธิต่างๆ กล่าววิจารณ์ที่ไม่ทำตามสัญญาที่ให้ไว้
เมื่อเดือนที่แล้ว นายกรัฐมนตรี ฮาร์เปอร์ ของแคนาดาออกมากล่าวว่า แคนาดารู้สึกขุ่นเคืองใจที่มีรายงานออกมาอย่างต่อเนื่องว่า ศรีลังกามีการขู่กรรโชก ตลอดจนการกักขังผู้นำทางการเมือง และนักข่าวนักหนังสือพิมพ์ การคุกคามชนกลุ่มน้อย และการหายสาบสูญ ตลอดจนคำกล่าวหาว่ามีการประหารเข่นฆ่าโดยไม่ผ่านกระบวนการยุติธรรม
