เอเอฟพี - ตำรวจศรีลังกายกเลิกประกาศเคอร์ฟิวในพื้นที่ย่านหนึ่งของกรุงโคลัมโบแล้ววันนี้ (11 ส.ค.) หลังจากใช้บังคับตลอดเมื่อคืนวาน (10) ภายหลังเกิดเหตุกลุ่มผู้ประท้วงที่นำโดยชาวพุทธบุกเข้าทำร้ายคนในมัสยิด ซึ่งส่งผลให้เกิดความตึงเครียดระหว่าง 2 ศาสนาและประชากรกลุ่มน้อยที่เป็นชาวมุสลิมหวั่นเกรงกันว่าความรุนแรงจะลุกลามมากขึ้นน
ตำรวจหลายร้อยคน ซึ่งรวมถึงกองกำลังปราบจลาจลและหน่วยรบพิเศษยังคงวางกำลังคุ้มกันพื้นที่เขตแกรนด์พาส ภายหลังที่มีเหตุความไม่สงบเกิดขึ้นเมื่อคืน (10 ส.ค) ซึ่งส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บแล้ว 4 ราย
“แม้จะมีการยกเลิกประกาศเคอร์ฟิวเช้านี้ (11 ส.ค.) แต่เราก็ยังต้องตรึงกำลังอย่างแน่นหนาในบริเวณนี้” โฆษกตำรวจชี้แจง
รัฐบาลศรีลังกายังไม่ได้ออกมาแสดงปฏิกิริยาต่อเหตุรุนแรงที่มีชนวนเหตุมาจากการที่ชาวพุทธต่างไม่พอใจกับการเปิดมัสยิดแห่งใหม่ ขณะที่นักการศาสนาอิสลามออกมาแสดงความกังวลต่อเรื่องนี้
“เราต่างประหลาดใจ เพราะเราคิดว่าทุกอย่างเริ่มดีขึ้นแล้ว” ฟาซิน ฟารุก โฆษกของ “ออลซีลอนจามีย์ยาธุลอูลามา” กลุ่มตัวแทนสูงสุดของนักการศาสนาอิสลามในศรีลังกาให้สัมภาษณ์สำนักข่าวเอเอฟพี
“เหตุประทุษร้ายครั้งนี้ทำให้เราต้องกังวลอีกครั้ง และเราเห็นว่าแนวโน้ม (ต่อต้านชาวมุสลิม) เช่นนี้ยังคงเกิดขึ้นอยู่ เราขอประณามการใช้กำลังครั้งนี้”
ฟารุกตั้งข้อสังเกตว่าเหตุรุนแรงครั้งล่าสุดที่ผ่านมาปะทุขึ้นหลังจากที่มีการรณรงค์ต่อต้านชาวมุสลิม 5 เดือน ซึ่งจุดชนวนให้มีการวางเพลิงบริษัทของนักธุรกิจชาวมุสลิม 2 แห่งที่ตั้งอยู่นอกเมืองหลวง
พระสงฆ์และบุคคลอื่นๆ อีก 14 คนที่ถูกควบคุมตัวเนื่องจากพัวพันกับเหตุวางเพลิงในเดือนมีนาคมได้รับการปล่อยตัวในเวลาต่อมา โดยทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจและตัวเหยื่อไม่ได้กดดันให้มีการตั้งข้อหา
“เราคิดว่าสิ่งต่างๆ เริ่มกลับสู่สภาพปกติตั้งแต่นั้น รัฐบาลได้ทำหลายสิ่งหลายอย่างเพื่อให้สถานการณ์สงบลง แต่แล้วก็เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นอีก และทำให้คนในชุมชนต่างรู้สึกกังวล” ฟารุกกล่าว
สภามุสลิมศรีลังกา ซึ่งเป็นองค์การที่ครอบคลุมกลุ่มสังคมชาวมุสลิมต่างๆ ออกมาแสดงความห่วงใยเช่นกัน
สภานี้กล่าวว่าเหตุรุนแรงยังคงเกิดขึ้น ถึงแม้เจ้าหน้าที่รัฐจะเคยออกมาสร้างความเชื่อมั่นว่ามัสยิดแห่งใหม่ในพื้นที่นี้จะยังตั้งอยู่ต่อไปได้แม้ว่าจะมีคนจากวัดพุทธที่อยู่ใกล้เคียงออกมาประท้วงก็ตาม
“มีการวางกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อป้องกันมัสยิด แต่โชคร้ายที่ไม่สามารถควบคุมให้คนเหล่านี้ทำตามกฎระเบียบได้” เอ็น เอ็ม อามีน ประธานสภาเอ่ย
เจ้าหน้าที่ความมั่นคงบอกสำนักข่าวเอเอฟพีว่าชาวพุทธเหล่านี้รู้สึกไม่พอใจที่มีการสร้างมัสยิดแห่งใหม่ขึ้นแทนศาสนสถานเดิมที่ถูกรื้อถอนไป
“พวกวัดของศาสนาพุทธต่อต้านการย้ายมัสยิดและ มีการทำร้ายกันในช่วงละหมาดเย็นที่มัสยิดเมื่อวานนี้ (10)” เจ้าหน้าที่ผู้ขอให้ปิดบังชื่อของเขาระบุ
ในเหตุรุนแรงเมื่อวาน (10) มีผู้บาดเจ็บ 4 คน ซึ่งรวมถึงตำรวจ 2 คนที่คอยคุ้มกันมัสยิดแห่งนี้ โดยคนทั้งหมดยังคงรับการรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลจนถึงวันนี้ (11)
ชาวบ้านในพื้นที่เผยว่ามีการสั่นระฆังในวัดพุทธเพื่อเรียกประชุมกลุ่มชายหลายสิบคนซึ่งเป็นผู้ที่เข้าจู่โจมมัสยิด ขว้างปาก้อนหินและทุบตีผู้ที่มาละหมาด
นอกจากนี้ บ้านหลายหลังที่อยู่ในละแวกดังกล่าวก็ได้รับความเสียหายเช่นกัน ชาวบ้านระบุ
ทั้งนี้ “ศรีลังกามุสลิมคองเกรส” ซึ่งเป็นพรรคการเมืองมุสลิมที่ใหญ่ที่สุดในประเทศเวลานี้ก็เป็นพรรคร่วมรัฐบาลของประธานาธิบดีมหินทา ราชปักษาด้วย
อย่างไรก็ตาม เมื่อไม่นานมานี้ ชาวพุทธหัวรุนแรงได้บีบบังคับให้นักการศาสนาอิสลามถอนใบรับรองอาหารฮาลาลสำหรับอาหารต่างๆ ที่ขายในท้องถิ่น โดยอ้างว่าใบอนุญาตนี้สร้างความขุ่นเคืองใจให้ประชากรส่วนใหญ่ของประเทศที่ไม่ใช่ชาวมุสลิม
ทั้งนี้ ในจำนวนประชากรถึง 20 ล้านคนของศรีลังกานั้นมี 70 เปอร์เซ็นต์นับถือศาสนาพุทธ ส่วนชาวมุสลิมมีเพียงแค่ 10 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่ชาวฮินดูมี 13 เปอร์เซ็นต์ ประชาชนอื่นๆ ที่เหลือเป็นผู้นับถือศาสนาคริสต์
