เอเจนซีส์ - ในวันนี้ (24) ผู้บัญชากองทัพฟิลิปปินส์ พลเอกเอ็มมานูเอล เบาติสตา ได้เปิดเผยว่า หลังจากเหตุการณ์ที่เเรือยามฝั่งจีนได้ยิงกระสุนน้ำไล่เรือประมงฟิลิปปินส์เป็นครั้งแรกเพื่อให้พ้นบริเวณเขตพิพาทในทะเลจีนใต้เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา เป็นผลให้ทางกองทัพฟิลิปปินส์ตัดสินใจจะส่งกำลังทหารไปช่วยทันทีหากพว่า เรือประมงฟิลิปปินส์ได้รับการคุกคามทางทหารจากจีน
ทางกองทัพฟิลิปปินส์ได้สอบสวนเหตุการโจมตีวันที่ 27 มกราคม 2014 ที่ทางกองทัพได้รับรายงานจากเรือประมงฟิลิปปินส์ ผู้บัญชากองทัพฟิลิปปินส์ พลเอกเอ็มมานูเอล เบาติสตา เปิดเผยในฟอรัมการประชุมที่กรุงมนิลา ในวันนี้ (24) โดยทางกองทัพฟิลิปปินส์จะพยายามเข้าแทรกแซงระหว่างเรือยามฝั่งจีน และเรือประมงของฟิลิปปินส์ที่อยู่บริเวณทะเลจีนใต้เพื่อไม่ให้เกิดการปะทะ
กองทัพเรือฟิลิปปินส์จะเข้าไปช่วยเหลือเรือชาวประมงทันทีหากมีการใช้ “กำลังทางทหารเกิดขึ้น” เบาติสตากล่าว และยังกล่าวต่อว่า “ในการใช้ความรุนแรงกับเรือประมงฟิลิปปินส์ ทางกองทัพต้องตอบโต้เพื่อคุ้มครองประชาชนของประเทศและเพื่อความมั่นคงของรัฐ”
ฟิลิปปินส์ที่เป็นพันธมิตรแนบสนิทกับสหรัฐฯไม่มีอำนาจทางการทหารมากพอที่จะสามารถต่อกรกับจีนในเขตพิพาททางทะเลที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติ เช่นน้ำมัน และได้ร้องให้ทางองค์การสหประชาชาติช่วยชี้ขาดความขัดแย้งครั้งนี้ ในขณะที่จีนปฏิเสธการตั้งอนุญาโตตุลาการ
ซึ่งการให้ความเห็นของผู้นำกองทัพฟิลิปปินส์ มีขึ้นหลังจากที่ฟิลิปปินส์และสหรัฐฯได้ตกลงขยายระยะเวลาอนุญาตให้กองทัพสหรัฐฯสามารถประจำอยู่ในฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่ผู้บัญชาการกองเรือเขตแปซิฟิก พลเรือเอกแฮรี แฮรีส ได้เดินทางมาเยือนฟิลิปปินส์อย่างเป็นทางการ
“ความเห็นของนานาชาติจะกดดันจีนหลังจากที่ผู้พิพากษาอนุญาโตตุลาการชั้นต้นของยูเอ็นได้มีคำตัดสินออกมา” และเบาติสตายังกล่าวต่อว่า “ฟิลิปปินส์เชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม ฟิลิปปินส์เชื่อในความชาญฉลาดของศาล และชุมชนระดับโลก”
อย่างไรก็ตามสหรัฐฯไม่ได้เลือกเข้าข้างฝ่ายใดในการพิพาทระหว่าง 2 ชาติเอเชียนี้ สหรัฐฯเชื่อว่า “ไม่มีแผนที่เส้นประ 9 เส้นเรียงรายเป็นรูปตัวยู” ที่จีนอ้างเพื่อแสดงสิทธิ์อำนาจเหนือเกือบทั้งหมดของเขตทะเลจีนใต้ที่ทับซ้อนกับชาติอื่นในบริเวณนั้น ฟิลลิป โกลเบิร์ก เอกอัคราชทูตสหรัฐฯประจำกรุงมนิลากล่าวบนเวทีฟอรัมเดียวกัน “แต่ไม่ได้หมายความว่า สหรัฐฯจะเห็นด้วยทุกย่างก้าวของฟิลิปปินส์ในข้อพิพาทนี้”
ทางกองทัพสหรัฐฯจะผลัดเปลี่ยนประจำตามจุดต่างๆ ในฟิลิปปินส์ หลังจากได้บรรลุข้อตกลงแล้ว โกลเบอร์ก กล่าวต่อ ทั้งนี้จังหวัดพาราวานที่มีบางส่วนติดกับทะเลจีนใต้ถือเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญ โกลเบิร์ก กล่าว ซึ่งการลงนามจะสามารถทำได้ในเร็วๆนี้ ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ เบนิโญ อาคิโน ได้ให้สัมภาษณ์ในวันพุธ (19) ที่ผ่านมา
นอกจากนี้ พลเรือเอกแฮรี แฮรีส จะพบกับเบาติสตา รวมไปถึงเอกอัคราชทูตสหรัฐฯโกลเบิร์ก และพลเรือโทโฮเซ หลุยส์ อลันโน ในการเยือนอย่างเป็นทางการ แถลงการณ์จากสถานทูตสหรัฐฯประจำฟิลิปปินส์ และยังแถลงเสริมว่า แฮรีสจะพูดคุยในกรอบความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ และฟิลิปปินส์ ที่เป็นส่วนหนึ่งของนโยบายการปรับสมดุลทางทหารสู่ภูมิภาคเอเชีย และความร่วมมือช่วยเหลือทางด้านมนุษยธรรมและบรรเทาภัยพิบัติ