เอเจนซีส์ – กลุ่ม 20 ประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ของโลก (จี20) ประกาศผลักดันเศรษฐกิจโลกโตทะลุเป้า ด้วยการส่งเสริมการลงทุนและการจ้างงาน พร้อมตกลงเพิ่มความโปร่งใสของนโยบายการเงิน หลังกระแสความไม่พอใจของพวกประเทศเศรษฐกิจตลาดเกิดใหม่จากการผ่อนคลายมาตรการกระตุ้น (คิวอี) ของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) นอกจากนั้นแถลงการณ์ที่ออกภายหลังการประชุมเป็นเวลา 2 วัน ณ นครซิดนีย์ คราวนี้ ยังเรียกร้องให้รัฐสภาอเมริกันรับรองมาตรการปฏิรูปไอเอ็มเอฟ เปิดทางให้ประเทศกำลังพัฒนาสำคัญ เช่น จีน มีสิทธิ์มีเสียงในองค์กรแห่งนี้มากขึ้น
ที่ประชุมรัฐมนตรีคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางของกลุ่ม จี20 ที่ครองส่วนแบ่งรวมกัน 85% ของเศรษฐกิจโลก ได้ออกแถลงการณ์สุดท้ายเมื่อวันอาทิตย์ (23 ก.พ.) ซึ่งออสเตรเลียผู้เป็นเจ้าภาพโหมประโคมว่า เป็น แถลงการณ์อันกระชับจำนวน 2 หน้าที่ “ไม่เคยมีมาก่อน” เพื่อผลักดัน “การฟื้นตัวอย่างเข้มแข็ง ยั่งยืน และสร้างสมดุลของเศรษฐกิจโลก”
แถลงการณ์ระบุว่า จี20 จะพัฒนานโยบายที่ทะเยอทะยานแต่เป็นจริงได้ โดยมีเป้าหมายในการเพิ่มผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) โดยรวม ให้ได้เหนือระดับเป้าหมายซึ่งคาดการณ์ด้วยการอิงกับนโยบายปัจจุบัน 2% ภายใน 5 ปี หรือคิดเป็นมูลค่ากว่า 2 ล้านล้านดอลลาร์ รวมทั้งให้เกิดการจ้างงานเป็นจำนวนนับสิบล้านตำแหน่ง
ตัวเลขดังกล่าวอ้างอิงจากเอกสารที่จัดเตรียมโดยกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ที่ประเมินว่า การปฏิรูปเชิงโครงสร้างจะกระตุ้นจีดีพีโลกปีละ 0.5% ใน 5 ปีข้างหน้า และส่งเสริมผลผลิตทั่วโลกราว 2.25 ล้านล้านดอลลาร์
ทั้งนี้ ไอเอ็มเอฟคาดว่า เศรษฐกิจโลกปีปัจจุบันจะขยายตัวในอัตรา 3.7% และ 3.9% ใน 2015
ที่ประชุมเชื่อมั่นว่า จะสามารถบรรลุเป้าหมายนั้นได้ด้วยการเพิ่มการลงทุนและการจ้างงาน รวมทั้งส่งเสริมการค้า แต่สำทับว่า ไม่อาจนิ่งนอนใจได้ และการรับมือความท้าทายที่เผชิญอยู่นั้นต้องการเป้าหมายที่กำหนดขึ้นอย่างทะเยอทะยาน
แถลงการณ์ระบุว่า แต่ละประเทศจะไปจัดทำแผนปฏิบัติการและยุทธศาสตร์การเติบโตของตัวเองเพื่อบรรลุเป้าหมายนี้ และนำเสนอต่อที่ประชุมระดับสุดยอดของกลุ่ม จี20 ซึ่งกำหนดจัดขึ้นในเดือนพฤศจิกายนที่นครบริสเบน, ออสเตรเลีย
โจ ฮอกกี รัฐมนตรีคลังแดนจิงโจ้ ประธาน จี20 วาระปัจจุบัน ยังเน้นย้ำความจำเป็นในการปฏิรูปเชิงโครงสร้างเพื่อผลักดันการเติบโต
ขณะเดียวกัน ความไม่พอใจของพวกเศรษฐกิจตลาดเกิดใหม่บางประเทศ ต่อการที่เฟด เริ่มต้นยุติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอันใหญ่โตของตน เป็นอีกหนึ่งประเด็นร้อนในซิดนีย์ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
จี20 แสดงการรับทราบเสียงร้องเรียนของพวกตลาดเกิดใหม่ที่ว่า การขาดการสื่อสารทำให้การดำเนินการดังกล่าวของเฟดส่งผลลบต่อตลาดเกิดใหม่อย่างรุนแรงขึ้นมา ในรูปเงินทุนไหลออกและค่าสกุลเงินตราผันผวน โดยแถลงการณ์สุดท้ายระบุว่าจะต้องเพิ่มความโปร่งใสในการดำเนินนโยบายการเงิน
“เราพร้อมดำเนินการขั้นตอนที่จำเป็นเพื่อรักษาเสถียรภาพราคา ด้วยการจัดการกับทั้งความกดดันด้านเงินฝืดและความกดดันด้านเงินเฟ้ออย่างทันท่วงที” แถลงการณ์สุดท้ายระบุ
“ธนาคารกลางทุกประเทศในกลุ่ม จี20 ต่างจะรักษาคำมั่นสัญญาที่ว่า การกำหนดนโยบายทางการเงินจะเป็นไปอย่างรอบคอบมีมาตรฐาน รวมถึงสื่อสารอย่างชัดเจนด้วยการการแลกเปลี่ยนข้อมูลกันอย่างต่อเนื่อง และใส่ใจในผลกระทบที่เกิดกับเศรษฐกิจโลก”
ฮอกกี ที่เห็นด้วยกับข้อโต้แย้งของสหรัฐฯที่ว่า ประเทศต่างๆ ต้องดำเนินการปฏิรูปภายในและส่งเสริมเศรษฐกิจของตนเอง แทนการวิจารณ์ผลกระทบจากการลดมาตรการคิวอีของประเทศอื่น กล่าวในการแถลงตอนท้ายการประชุมว่า มีการหารืออย่างเปิดอกเกี่ยวกับผลกระทบของมาตรการการผ่อนคลายทางการเงิน
เขาบอกว่า มีการยอมรับกันอย่างชัดเจนว่า ความเคลื่อนไหวทางการเงินของประเทศพัฒนาแล้วรายใหญ่ๆ ไม่ว่าจะเป็นไปได้ในทางการผ่อนคลายหรือการเข้มงวดนโยบายการเงิน ล้วนแต่ก่อให้เกิดผลกระทบทั้งสิ้น และดังนั้นในอนาคตข้างหน้าก็จะมีการคำนึงถึงเรื่องนี้
แถลงการณ์ของ จี20 นี้ ยังระบุชัดเจนว่า “เสียใจอย่างมาก” ที่มาตรการปฏิรูปไอเอ็มเอฟ เพื่อเพิ่มอำนาจการลงคะแนนเสียงของชาติเศรษฐกิจตลาดเกิดใหม่ โดยเฉพาะจีน ต้องมีอันติดขัดลง เนื่องจากรัฐสภาของอเมริกาไม่ให้การสนับสนุน แม้ได้รับการร้องขอจากทำเนียบขาวก็ตาม โดย จี20 เรียกร้องให้รัฐสภาสหรัฐฯรับรองเรื่องนี้ก่อนการประชุม จี20 ครั้งต่อไปในเดือนเมษายน